top of page
image.png

แรงกดดันระยะสั้นเป็นโอกาสเสมอ


ต่างชาติยังไม่ขาย ! “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าการที่ตลาดหุ้นไทยเริ่มไปต่อไม่ไหว และถอยตัวให้เห็นเป็นระยะในช่วง 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเฉพาะหลังจากการแถลงที่ของประธานเฟดในการประชุม Jackson Hole Meeting ยังคงเป็นเรื่องปกติมากๆในทางเทคนิค หลังจากที่ SET จะขึ้นมาทดสอบเป้าหมายในระยะ 1 เดือนที่ “นายหมูบิน” ให้ไว้บริเวณ Fib node 1.618 หรือ 1,560 จุดถึง 4 ครั้งในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมาแต่ไม่ผ่าน ซึ่งในทางเทคนิค “นายหมูบิน” ประเมินว่าการพักฐานระยะสั้นๆไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ หรือราย Weekly ของ SET ตราบใดก็ตามที่ไม่ลงไปปิดต่ำกว่าระดับ Fib Node ที่ 0.382 หรือ 1,510 จุดในกรณีปกติ และ Fib Node ที่ 0.618 หรือ 1,480 จุดในกรณีแย่ “นายหมูบิน” ยังคงมองว่า SET ยังคงแกว่งตัวอยู่ใน Wave ที่ 5 และมีโอกาสดีดตัวขึ้นเหนือ 1,560 จุดอีกครั้ง โดยมีเป้าหมายการยืดตัวในระยะ 1-3 เดือนที่ระดับ Fib Node ที่ 1.382 หรือ 1,610 จุดในกรณีแย่ และ Fib Node ที่ 1.618 หรือ 1,640 จุดในกรณีปกติ

เนื่องจาก “นายหมูบิน” ยังคงมองว่าการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติจะเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดหุ้นไทยต่อไปได้ในระยะสั้น ตามทิศทางของ Foreign Fund Flows ที่กำลังโหมเข้ามาในตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับมุมมองในทางเทคนิคที่ล่าสุด Indicator สำคัญอย่าง MACD ของดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow ยังคงมีสัญญาณ Positive Covergance เหนือ Zero Line สะท้อนให้เห็นถึงโอกาสที่นักลงทุนต่างชาติจะยังคงซื้อสุทธิในตลาดหุ้นไทยต่อไปอีกในระยะ 1 เดือนข้างหน้า โดยที่ในเบื้องต้นตราบใดที่นักลงทุนต่างชาติยังคงไม่กลับมาขายสุทธิต่อเนื่องในระยะ 1 สัปดาห์เกิน 1.0 หมื่นล้านบาท “นายหมูบิน” ประเมินว่าสัญญาณ “Sell Signal” จะยังคงไม่เกิดขึ้นกับดัชนี Accumulated Foreign Fund Flow ของตลาดหุ้นไทย

ทั้งนี้เมื่อพิจารณาจากข้อมูลล่าสุดจะพบว่าหุ้นในกลุ่มที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิผ่าน NVDR มากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ค้าปลีก, วัสดุก่อสร้าง, ที่อยู่อาศัย, ขนส่ง และธนาคาร ขณะที่กลุ่มที่ถูกขายสุทธิออกมามากที่สุด ได้แก่สื่อสาร, อิเล็กทรอนิกส์, รับเหมาก่อสร้าง และโรงพยาบาล ในส่วนของหุ้นรายตัวนั้น หุ้นที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิผ่าน NVDR มากที่สุดในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้แก่ PTT, KBANK, SCC, CPALL และ LH ขณะที่หุ้นที่ถูกขายสุทธิออกมามากที่สุด ได้แก่ BBL, TRUE, TOP, BANPU และ SCB

ถ้อยแถลงประธานเฟดกดดันระยะสั้นๆ ! : แน่นอนว่าถ้อยแถลงที่ออกมาของประธานเฟดในการประชุม Jackson Hole Meeting ซึ่งยืนยันการขยับขึ้นดอกเบี้ยอย่างค่อยๆเป็นค่อยไปของเฟด จะสร้างแรงกดดันให้กับตลาดหุ้นโลก และภูมิภาคในระยะสั้น ทั้งนี้ความกังวลดังกล่าวสะท้อนออกมาจากผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนสหรัฐจาก AAII ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ระบุว่ามีสัดส่วนนักลงทุนสหรัฐที่ประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐจะยังคงอยู่ในแนวโน้มขาขึ้น หรือ Bullish ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ระดับ 29.4% ลดลงถึง 6.1% จากสัปดาห์ก่อนหน้า ซึ่งกลับมาต่ำกว่าสัดส่วนนักลงทุนสหรัฐที่ประเมินว่าตลาดหุ้นสหรัฐกำลังกลับสู่แนวโน้มขาลง หรือ Bearish ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่ระดับ 29.6% แล้ว

อย่างไรก็ดี “นายหมูบิน” ต้องเรียนว่าโดยส่วนตัวมองว่าประเด็นดังกล่าวจะยังคงไม่สามารถทำให้ทิศทางของตลาดหุ้นโลก และภูมิภาคเปลี่ยนแนวโน้มจากขึ้นเป็นลงไปเลยได้ในระยะสั้น เพราะประเด็นดังกล่าวต้องเรียนว่าไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้ได้มีสมาชิกของเฟดหลายท่านออกมาให้ความเห็นด้วยเกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ยของเฟดมาอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมาอยู่แล้ว หลังจากที่ภาคแรงงาน และ GDP Growth ของสหรัฐส่งสัญญาณการฟื้นตัวที่แข็งแกร่งในช่วง 2-3 ไตรมาสที่ผ่านมาสอดคล้องกับถ้อยแถลงของประธานเฟดที่ระบุว่า GDP Growth ของสหรัฐยังคงอยู่ในโหมดของ Moderate Growth ขณะที่ในด้านตลาดแรงงานพบว่ามีการจ้างงานใหม่โดยเฉลี่ย 1.9 แสนตำแหน่งต่อเดือนเป็นระยะเวลาติดต่อกันมากกว่า 1 ไตรมาส หรือเกิด Technical improvement อย่างชัดเจน ประกอบกับอัตราการว่างงานนั้นยังค่อนข้างต่ำและมีเสถียรภาพ โดยอัตราการว่างงานในปัจจุบันนั้นอยู่ในระดับใกล้เคียง 5%

“นายหมูบิน” มองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดครั้งต่อไปจะเป็นในการประชุมเดือน ธ.ค.2559 เช่นเดิม โดยล่าสุดจากข้อมูลของ Bloomberg พบว่าน้ำหนักที่ตลาดให้ในการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะอยู่ในเดือน ธ.ค.2559 ที่ระดับเหนือ 50% ซึ่งถ้าดูย้อนหลังจะพบว่าผลการสำรวจของ Bloomberg นั้นค่อนข้างแกว่งตัวมากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา และเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ “นายหมูบิน” มองว่าหลังการขึ้นดอกเบี้ยในเดือน ธ.ค.2559 แล้ว เฟดจะยังคงไม่ขึ้นดอกเบี้ยต่อเนื่องอย่างที่ตลาดกังวลกัน โดยมีสาเหตุมาจากการที่แม้ว่าตัวเลขตลาดแรงงานจะปรับตัวดีขึ้น แต่ในฝั่งของตัวเลขเงินเฟ้อนั้นยังคงอยู่ในระดับต่ำ จนมีความเป็นไปได้ยากที่จะกลับไปยังกรอบเงินเฟ้อเป้าหมายที่เฟดวางไว้ที่ 2% ในระยะเวลาอันสั้นนี้

ขณะที่เมื่อวิเคราะห์ Momentum ของตลาดหุ้นโลก และภูมิภาคผ่านมุมมองทางเทคนิคในส่วนของ Volatility Index จะพบว่าตราบใดที่ดัชนี VIX Index ของสหรัฐ และ HSI VIX ยังคงแกว่งตัวอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย EMA 200 ที่ 16.9 และ 22.6 ตามลำดับ ตลาดหุ้นสหรัฐ และเอเชียที่มีตลาดหุ้นไทยเป็นหนึ่งในนั้นด้วยก็จะยังคงมีแนวโน้มที่แกว่งตัวขึ้นต่อไปได้

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : กรณีที่ SET ปิดเหนือ 1,510 (+/-5) จุดได้ แนะนำ “อ่อนตัวซื้อเก็งกำไร” ในหุ้น PTT, PTTGC, TOP, BDMS, ROBINS, MINT, CPN, AAV, AOT, CK, SCB และ KBANK ขณะที่กรณีตรงข้ามที่ SET กลับมาปิดต่ำกว่า 1,510 (+/-5) จุดอีกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยง ควรกลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” ไปก่อน สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาอยู่ที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/moobin.stockmania และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily) ผ่าน Speed Line

 
bottom of page