
ธนาคารกรุงเทพ (BBL)
การตกต่ำของราคาหุ้นธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL ในช่วงที่ผ่านมา นับเป็นโอกาสดีกับการจะเลือกลงทุนมาก เพราะเมื่อมาดูธุรกิจและผลประกอบการของธนาคารยังไม่มีอะไรแย่ลง ความกังวลกับเรื่อง NPL ที่ยังมีการวิจารณ์กันมากนั้น ก็เป็นแค่การคาดหมายและประเมินจากข่าวที่เกิดขึ้น ยังไม่พบว่าจะมีผลกับ BBL มากอย่างที่กลัวกัน และแม้จะมีปัญหา NPL เพิ่มก็เป็นเรื่องธรรมดาของธุรกิจธนาคารขนาดใหญ่ แต่เมื่อ BBL มีการตั้งสำรองหนี้เสียไว้มากกว่าปริมาณหนี้ที่มีอยู่ ความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจก็เป็นอันหมดไป อาจจะมีผลให้ผลกำไรในแต่ละช่วงเวลาดูน้อย ก็เป็นแค่ผลกระทบทางจิตวิทยา เพราะเมื่อมาดูผลประกอบการที่รายงานออกมากลับพบว่าผลประกอบการและกำไรของ BBL ในปัจจุบัน ยังสูงกว่าราคาหุ้นในตลาดค่อนข้างมาก จึงควรที่จะกลับมาพิจารณาไตร่ตรองกันให้ดีๆ จะได้ไม่พลาดในการลงทุนในหุ้นที่มีพื้นฐานดี คุ้มค่าการลงทุน เมื่อมาดูผลกำไรของ BBL ในครึ่งแรกของปี 2559 นี้ พบว่าทำกำไรได้แล้ว 15,486.60 ล้านบาท กำไรดูน้อยกว่าปี 2558 ในช่วงเดียวกัน 11.2% คงคิดว่าราคาหุ้น BBL จะต้องตกลงได้มาก อาจเป็นการเข้าใจคลาดเคลื่อน เพราะเมื่อมาพิจารณาจากผลกำไรของ BBL ในปี 2559 นี้ที่คาดว่าน่าจะทำกำไรรวมได้ถึง 3.3 หมื่นล้านบาท กำไรต่อหุ้นจะได้ที่ 17.29 บาท เมื่อใช้ค่าพีอีของกลุ่มธนาคารที่อยู่ระดับ 11 เท่า มาประเมินจะได้ราคาที่ 190.2 บาท แต่ราคาในตลาดอยู่ที่ 165 บาท จึงยังมี upside ได้อีก 15.25% โดยยังไม่คิดรวมเงินปันผลที่จะได้อีกประมาณ 3.94% ด้วย จึงยังลงทุนได้ดี
ซินเท็ค คอนสตรัคชั่น (SYNTEC)
ในอดีตหุ้นซินเท็ค คอนสตรัคชั่น หรือ SYNTEC คงไม่น่าสนใจ เพราะ 4 ปีก่อนยังมีผลประกอบการขาดทุน โดยในปี 2555 ขาดทุนอยู่ 132.05 ล้านบาท แต่หลังจากปี 2556 เป็นต้นมา บริษัทเริ่มทำกำไรได้ โดยทำกำไรได้ 80.60 ล้านบาท มาปี 2557 เริ่มทำกำไรได้ดีมากขึ้น ทำกำไรได้ถึง 396.63 ล้านบาท ยังไม่จบแค่นั้นธุรกิจดูจะมีการเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่อง แม้ปี 2558 เศรษฐกิจจะยังเติบโตไม่มาก แต่ SYNTEC กลับยังทำกำไรได้เพิ่มเป็น 640.22 ล้านบาท ทำให้หลายคนคิดว่าคงเป็นปีทองที่ SYNTEC ทำกำไรได้สูงมากแล้ว แต่มาปี 2559 นี้ แค่ครึ่งปีแรกกลับพบว่า SYNTEC ทำกำไรได้มากถึง 430.15 ล้านบาทแล้ว กำไรเพิ่มจากช่วงเดียวกันของปี 2558 มากถึง 111.09% หากดูตามปัจจัยแวดล้อมที่ดีจากการที่รัฐมีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่มากมาย โดยเฉพาะโครงการระบบรางที่มีทั้งรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูง ซึ่งนอกจากจะทำให้มีงานการก่อสร้างมากแล้ว ยังจะมีงานในด้านอสังหาริมทรัพย์ในการลงทุนกับโครงการต่างๆ เพิ่มมาอีกด้วย จึงสามารถคาดหวังได้ว่าธุรกิจด้านรับเหมาก่อสร้างจะมีงานเพิ่มไปด้วย เมื่อมาดูที่ SYNTEC จากผลกำไรในครึ่งปีแรกที่เพิ่มอย่างมาก มาครึ่งหลังของปีทุกอย่างดีกว่าครึ่งปีแรก เศรษฐกิจก็จะโตมากขึ้น คงจะทำให้ SYNTEC ทำกำไรได้มากไปด้วย แต่ในที่นี้เพียงประเมินว่า SYNTEC จะทำกำไรได้เพียง 300 ล้านบาท หรือกำไรต่อไตรมาสมีเพียง 150 ล้านบาท รวมตลอดปีก็ยังจะมีกำไรมากกว่า 750 ล้านบาทได้ กำไรต่อหุ้นจะได้ที่ 0.47 บาท เพียงใช้ค่าพีอี 10 เท่าจะได้ราคาที่ 4.70 บาท แต่ราคาในตลาดอยู่แค่ 3.36 บาท จึงมี upside ได้อีก 39.88%
แสนสิริ (SIRI)
เป็นหุ้นที่นักลงทุนอาจไม่สนใจมากเหมือนกับหุ้นเก็งกำไรทั่วไป เพราะที่ผ่านมาราคาหุ้นไม่หวือหวาจนน่าสนใจ แต่หากพิจารณาในตัวธุรกิจจะพบว่าน่าสนใจมากทีเดียว เพราะมีการดำเนินธุรกิจในแบบเชิงรุก ทำให้สามารถสร้างกำไรได้ค่อนข้างมาก อาจจะมองว่าการเปิดโครงการจำนวนมาก เป็นการเน้นด้านปริมาณก็ตาม แต่ได้ผลดีในด้านการตลาด ผลแท้จริงจึงอยู่ที่การประกอบการว่าทำมากได้มากหรือไม่ เมื่อมาดูผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า SIRI ทำกำไรได้ดีมาตลอด มีกำไรเพิ่มทุกปีจากปี 2556 ที่ทำกำไรได้เพียง 1,929.67 ล้านบาท กำไรเพิ่มเป็น 3,393.14 ล้านบาทในปี 2557 และปี 2558 ก็ยังทำกำไรได้ที่ 3,505.92 ล้านบาท มาปี 2559 นี้ ครึ่งปีแรกทำกำไรได้เพียง 1,178.43 ล้านบาท จัดว่าทำกำไรได้ไม่ค่อยดี แต่การที่ไตรมาส 2 ยังทำกำไรได้มากกว่าไตรมาสแรก ยังนับเป็นแนวโน้มที่ดี จึงคาดหวังได้ว่าครึ่งปีหลังจะทำกำไรได้ดีกว่าครึ่งปีแรกมาก แม้จะประเมินกำไรตลอดปีไว้แค่ 2,800 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นก็จะได้ 0.19 บาท ประเมินราคาด้วยค่าพีอีแค่ 10 เท่า ยังได้ราคาที่ 1.90 บาท แต่ราคาในตลาดอยู่แค่ 1.68 บาท จึงยังมี upside ได้อีก 13.1% โดยยังจะได้เงินปันผลอีก 5.65% ด้วย คงจะมองออกว่า น่าลงทุนเช่นกัน