
ผ่างบประมาณรายจ่ายปี 2560 (1 ตุลาคม 2559-30 กันยายน 2560) มีศักยภาพเกิน 100% ตามนโยบายนายกฯตู่ ให้ทำงบประมาณแบบใหม่ถอดด้าม มีความชัดเจน ไม่ซ้ำซ้อน ประหยัดงบมากขึ้น เน้นเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน วางระบบโลจิสติกส์ เพื่อเปิดประตูการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน งัดงบลุย SME-ธุรกิจนวัตกรรมใหม่อุตสาหกรรม 100 ธุรกิจ ปั้นผู้ประกอบการใหม่ 10,000 ราย หนุนเขตเศรษฐกิจพิเศษ 11 พื้นที่ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภูมิภาค มั่นใจฝันเศรษฐกิจโต 6%
นายสมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อํานวยการสํานักงบประมาณ กล่าวในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” จัดโดยกองบรรณาธิการ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ว่า งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2560 ผ่านค่อนข้างเรียบร้อย เหลือวาระ 1 พิจารณาไปแล้ว พอมาวาระ 2 มีการพิจารณาในชั้นกรรมาธิการ คณะกรรมาธิการเห็นว่าโครงสร้างงบประมาณรายจ่ายค่อนข้างที่จะสอดคล้องกับแนวงบฯปี 2559 อยากให้ทำงบประมาณรายจ่ายที่มีบูรณาการมากขึ้น ดังนั้น ในปี 2560 ท่านนายกรัฐมนตรีมีนโยบายให้ทำวิธีการงบประมาณแบบใหม่ แทนที่จัดเป็นงบประมาณ 3 ส่วน คือ งบกลาง กระทรวง ทบวง กรม และรายจ่าย กระทรวงการคลัง ก็เพิ่มมาเป็น 5 ส่วน คือ 1. งบกลาง 2. งบประมาณตามฟังท์ชั่นหน้าที่ของกรม 3. งบประมาณบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ มีทั้งหมด 23 มาตรา ส่วนฟังท์ชั่นมีทั้งหมด 27 มาตรา 4. งบประมาณบูรณาการเชิงพื้นที่ 2 มาตรา และ 5. งบประมาณบริหารจัดการหนี้ภาครัฐ อีก 1 มาตรา รวมแล้วมีทั้งหมด 54 มาตรา ถ้ารวมมาตราหัวท้ายอีก 3 มาตรา ก็รวมเป็น 57 มาตรา ขณะที่ในปีที่แล้วมีทั้งหมด 33 มาตรา
“การทำงบประมาณแบบใหม่นี้ จะเกิดความชัดเจนไม่ซ้ำซ้อนและประหยัดงบประมาณมากขึ้น ในเรื่องของการทำงบประมาณเชิงบูรณาการเชิงยุทธศาสตร์ในเชิงพื้นที่ จะทำให้มีประสิทธิภาพไม่ซ้ำซ้อนและมีประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันให้สอดคล้องกันกับเป้าหมายยุทธศาสตร์ที่วางไว้ ก็เป็นหลักการที่เสนอ คณะกรรมาธิการและในที่ประชุมใหญ่มีความเห็นชอบได้ผ่านงบประมาณไป” นายสมศักดิ์กล่าวและพูดถึงเป้าหมายของงบประมาณรายจ่ายปี 2560 ที่จะดำเนินการ เช่น มีการทำแผนบูรณาการในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน ระบบโลจิสติกส์ที่มีเจ้าภาพหลัก คือ สำนักนโยบายและแผนขนส่งจราจร และมีรองนายกรัฐมนตรีสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นประธานในการทำ โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างสำนักงานนายกรัฐมนตรี กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การคมนาคม พาณิชย์ แรงงาน วิทยาศาสตร์ อุตสาหกรรม รวมแล้วประมาณ 21 หน่วยงานมาร่วมกันทำ โดยมีวงเงินที่ผ่านสภาฯประมาณ 98,840 ล้านบาท
“เป้าหมายคือเพิ่มการขนส่งทางน้ำ ทางราง ลดต้นทุนในการขนส่ง เปิดประตูการค้าสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และเพิ่มประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทานในการขนส่งโลจิสติกส์ โครงการสำคัญหลักก็มีเรื่องของการทำมอเตอร์เวย์สายบางปะอิน-สระบุรี-โคราช , สายบางใหญ่-บ้านโป่ง-กาญจนบุรี และสายพัทยา-มาบตพุด ก็ได้ตั้งงบประมาณไว้ 17,927 ล้านบาท และมีเรื่องของรถไฟฟ้า 7 สาย ซี่งจะมีเรื่องของกรรมสิทธิ์ที่ดินและศึกษาความเหมาะสมในการดำเนินการรถไฟฟ้า 7 สายนี้ มีงบประมาณกว่า 2,000 ล้านบาท และมีเรื่องของสะพานข้ามแม่น้ำที่แม่สอด จ.ตาก เพื่อพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน East-West Economic Corridor ใช้งบประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท เรื่องของการเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าอีก 10 สาย งบประมาณ 7,200 ล้านบาท และทางหลวงแผ่นดินหรือทางหลวงชนบท ที่ต้องใช้งบประมาณอีก 40,000 ล้านบาท ก็จะเป็นเรื่องที่สำคัญ”
นอกจากนี้ ยังมีเรื่องการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยมีกองทุนสสว.ของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมเป็นเจ้าภาพหลัก และมีหน่วยงานสำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงยุติธรรม กระทรวงสาธารณสุข จะสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งได้ตั้งงบประมาณแผนบูรณาการไว้ 3,487 ล้านบาท นับว่าเป็นตัวอย่างที่จะดำเนินการในปี 2560 และจะมีการส่งเสริมหลักสูตรผู้ประกอบการ SME 30,000 ราย เพื่อให้มีความรู้ในการดำเนินธุรกิจ มีการสนับสนุนธุรกิจนวัตกรรมรายใหม่ของอุตสาหกรรม 100 ธุรกิจ และจะมีการส่งเสริมผู้ประกอบการรายใหม่ 10,000 ราย ซึ่งจะเป็นตัวอย่างงบประมาณใหม่ที่มีงบประมาณบูรณาการ จะเกิดความประหยัดและมีประสิทธิภาพในการทำงานไปในทิศทางเดียวกัน
“ยังมีเรื่องของการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ที่มีทั้งหมด 11 พื้นที่ โดยมีสภาพัฒฯเป็นเจ้าภาพหลักและจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่าง กระทรวงกลาโหม การทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การทรวงมหาดไทย หรือ กระทรวงสาธารณสุข ที่จะมี 20 หน่วย โดยมีท่านรองนายกรัฐมนตรีสมคิดเป็นประธาน เรื่องนี้ก็จะช่วยให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในระดับภูมิภาค” นายสมศักดิ์กล่าวและพูดถึงงบประมาณรายจ่ายปี 2560 ที่ใช้งบประมาณ 2.7 ล้านล้านบาท ภาพรวมถือว่าเป็นงบประมาณรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้วไม่มาก โดยเพิ่มขึ้นมา 13,000 ล้านบาท จัดเก็บรายได้อยู่ที่ 2.343 ล้านล้านบาท กู้ชดเชยขาดดุลอีก 390,000 ล้านบาท สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องที่คณะกรรมการในประชุม 4 หน่วยงานได้กำหนดว่าจะสามารถสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจในปีหน้าประมาณ 6% “จุดเด่นของงบประมาณนี้สามารถจะตั้งงบประมาณชดใช้เงินกู้ได้ถึง 3% ของงบประมาณทั้งหมด ขณะที่ในปีที่แล้วตั้งไว้ไม่ถึง 3% ส่วนรายจ่ายลงทุนมีสัดส่วนที่ 20% ก็เป็นหลักการที่เหมาะสม คือ 548,000 ล้านบาท”
ส่วนงบประมาณรายจ่ายปี 2559 นายสมศักดิ์เปิดเผยว่าขณะนี้ผลเบิกจ่ายล่าสุดถึง 31 สิงหาคม 2559 ภาพรวมรายจ่ายอยู่ที่ 86.92% ใกล้เคียงกับเป้าหมายในการใช้จ่าย ส่วนรายจ่ายลงทุนถ้าไม่รวมกับเงินงบกลางก็จะอยู่ที่ 68.80% ถ้าเทียบกับเป้าหมายในการใช้จ่ายก็ต่ำลงมานิดหน่อย ประมาณ 8% แต่ว่ามีผลของการทำสัญญาก่อนผูกพันไว้แล้ว 88.04% สูงกว่าเป้าหมายในการใช้จ่ายอยู่ 10.8% “ก็จะทำให้เกิดความมั่นใจว่าการใช้จ่ายลงทุนของปี 2559 น่าจะส่งผลให้การขยายตัวของเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่า 3%”