top of page
image.png

ปราบทัวร์ศูนย์เหรียญไม่กระทบ..ท่องเที่ยว-ผลไม้!! ประคองปีก ‘สุราษฎร์ฯ’


เศรษฐกิจสุราษฎร์สะดุดตามเศรษฐกิจประเทศ แต่ธุรกิจท่องเที่ยว ผลไม้ ยังเป็นตัวชูโรง แจงรัฐปราบทัวร์ศูนย์เหรียญไม่กระทบท่องเที่ยว เพราะสุราษฎร์มีแหล่งท่องเที่ยวสวยงาม หลากหลาย นักท่องเที่ยวต่างชาติยังมาท่องเที่ยวไม่ขาดสาย ส่วนภาคธุรกิจ ลงทุน ต้องปรับตัว ร่วมสร้างแบรนด์สินค้าสุราษฎร์อย่างยั่งยืน

นายธีระชัย ศรีโพธิ์ชัย ประธานหอการค้า จังหวัดสุราษฏร์ธานี กล่าวในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ที่จัดขึ้นโดยทีมข่าวหนังสือพิมพ์ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ถึงเศรษฐกิจในจังหวัดสุราษฎร์ธานีว่า จากสภาพเศรษฐกิจของประเทศไทย รวมทั้งภาคการส่งออก ตลอดจนธุรกิจทุกภาคส่วนมีการชะลอตัวลง ทำให้สภาพเศรษฐกิจของจังหวัดสุราษฎร์ธานีช่วง 1 ปีที่ผ่านมาค่อนข้างซึมเซาและเงียบเหงาในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นอสังหาริมทรัพย์ เกษตร ปาล์ม เพาะเลี้ยงกุ้ง แต่ที่ยังดีคือธุรกิจการท่องเที่ยวยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

“ในด้านการเกษตรปีนี้อาจจะเป็นผลดีกับเกษตรกรชาวสวนผลไม้ โดยราคาค่อนข้างไปได้ดี เป็นที่ต้องการของตลาด เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ซึ่งจะเป็นตัวทดแทนรายได้ของเกษตรกรด้านยางพาราและปาล์ม แต่ขณะเดียวกัน แม้ภาคการเกษตรด้านผลไม้จะดี ก็อาจจะมีปัญหาเรื่องหยงบ้าง ซึ่งเป็นเรื่องปกติของการค้าที่จะต้องมีเรื่องนี้ โดยที่ผู้ประกอบการจีนเอง หลั่งไหลเข้ามาในพื้นที่ มีที่มาตั้งบริษัทเพื่อเป็นตัวกลางหรือเป็นตัวแทนผู้ประกอบการของไทย ซึ่งทางหอการค้าก็พยายามให้แนวคิดหรือให้มุมมองแก่ผู้ประกอบการไทยหรือเกษตรกรต่างๆ ว่า ณ วันนี้ การค้าเป็นของคนไทย เราต้องมีการพัฒนาตัวเองเพื่อให้เกิดการแข่งขันกับจีนได้ เพราะการค้าเสรีห้ามยากจากปัจจัยหลายอย่าง...

ราคาผลไม้ที่ค่อนข้างจะดีในปีนี้ ชาวสวนสุราษฎร์ธานีก็มีความพอใจ โดยเฉพาะผลไม้ประเภทเงาะ ปีนี้ถ้าพูดกันจริงๆ คือออกน้อย ทำให้ราคาในตลาดค่อนข้างสูง หรือมังคุดที่เป็นที่ต้องการของตลาดจีน ราคาก็ไปได้ ส่วนทุเรียนก็เป็นที่ต้องการของจีนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นจึงอยู่ที่เกษตรกร ถ้ามีการปรับตัวให้สินค้าของตัวเองมีคุณภาพ พัฒนาให้สินค้าของตัวเองเข้าสู่ตลาดพรีเมี่ยม ก็จะยกมาตรฐานราคาผลไม้ให้สูงขึ้นตามไปด้วย เราจึงอยากให้องค์ความรู้ร่วมระหว่างรัฐกับเอกชน เช่นเราพยายามจัดตั้งบริษัทประชารัฐขึ้นมา เพื่อส่งเสริมให้ความรู้ ให้แนวคิดทุกๆ ด้านกับเกษตรกรต่างๆ มากขึ้น เพื่อให้เขาปรับตัวให้ทันต่อสถานการณ์ของตลาด”

ส่วนกรณีผู้ประกอบการจีนที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในจังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้น นายธีระชัยกล่าวว่า ส่วนใหญ่จะจัดตั้งเป็นบริษัทที่ให้บริการด้านการท่องเที่ยว เพราะเป็นที่ทราบกันว่านักท่องเที่ยวจีนเข้ามาท่องเที่ยวที่ประเทศไทยมากขึ้นทุกปี ผู้ประกอบการจากจีนจึงเข้ามาตั้งบริษัทเพื่อที่จะเป็นผู้ประกอบการในพื้นที่

“แต่ก็พยายามป้องกันและดูว่า อย่าให้เกิดกรณีอย่างภูเก็ตที่เป็นทัวร์ศูนย์เหรียญ ซึ่งทำให้กลไกต่างๆ บิดเบี้ยว ทำให้เม็ดเงินไม่ได้เข้าประเทศไทยอย่างแท้จริง แถมกลับไหลสู่นอกประเทศ ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่ภาครัฐและเอกชนพยายามแก้ไขว่า ไทยเราจะมีมาตรการอย่างไร เกื้อหนุนกันอย่างไร เพื่อส่งเสริมให้ข้อมูลกัน…

“ยอมรับว่าที่สุราษฎร์ก็มีปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญบ้างบางส่วน โดยเราก็พยายามรวบรวมข้อมูลข่าวสารให้รับทราบในส่วนผู้ประกอบการ ซึ่งก็ต้องรู้ถึงการป้องกันและรักษา เพราะเป็นธุรกิจภายในประเทศ ผู้ประกอบการต้องรู้ว่าจะพัฒนาตัวเองเพื่อให้สู่ความเป็นสากลมากขึ้น อย่ามองเฉพาะปัจจัยรายได้ที่อาจจะเป็นแค่ชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งเราก็พยายามสร้างจิตสำนึกผู้ประกอบการให้มากขึ้น โดยที่จะมีโมเดลให้ผู้ประกอบการรับทราบข้อเท็จจริง หรือจากสื่อต่างๆ ที่ออกมา ก็ทำให้มีการรับทราบและรับรู้ว่าเป็นอย่างไร”

นายธีระชัยกล่าวต่อด้วยว่า จากการปราบปรามป้องกันทัวร์ศูนย์เหรียญในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทัวร์จีนยกเลิกไปบางส่วน แต่ด้วยความที่สุราษฎร์ธานีเป็นจังหวัดมีมนต์เสน่ห์ สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ อาทิ เกาะ รวมถึงมีทะเลน้ำจืด เป็นสิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เพราะฉะนั้น แม้นักท่องเที่ยวอาจจะลดลงในส่วนของนักท่องเที่ยวจีน แต่นักท่องเที่ยวชาติอื่นยังคงมาท่องเที่ยว ทำให้ธุรกิจการท่องเที่ยวในจังหวัดสุราษฎร์ธานียังคงไปได้ด้วยดี ซึ่งหลังจากภาวะเศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐอเมริกาเกิดการชะลอตัว ทำให้นักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกาหดหายไปพอสมควร แต่ก็ยังถือว่าไม่กระทบมากนัก ซึ่งขณะนี้ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีมีการระดมความคิดและความร่วมมือของภาคเอกชนเพื่อกระตุ้นด้านท่องเที่ยววิสาหกิจชุมชนให้สามารถพัฒนาอย่างยิ่งยืนต่อไป ท่านใช้นโยบายพูดคุยกัน โดยเชิญภาคเอกชน 3-4 สถาบัน ในกกร. หอการค้า สภาอุตสาหกรรม ชมรมการท่องเที่ยว หรือสภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ชมรมธนาคาร เข้ามาพูดคุยกับผู้ว่าราชการตอนเช้า มาพูดคุยเรื่องปัญหาต่างๆ นำเสนอโมเดลต่างๆ ต่อผู้ว่าฯเพื่อนำไปสร้างเป็นยุทธศาสตร์ของจังหวัด รวมทั้งระดมสมองทางภาคเอกชนว่ามีส่วนไหนบ้างที่เป็นเงื่อนไขข้อติดขัดจากกฎระเบียบทางราชการ เพื่อจะนำมาปรับแก้เอื้ออำนวยให้กับผู้ลงทุน ให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลโดยเฉพาะคำว่าประชารัฐ ท่านผู้ว่าฯพยายามรวบรวมการแปรรูปสินค้าเกษตร เรื่องเกษตร ท่องเที่ยวชุมชน เราก็พยายามหาแหล่งซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจชุมชนการท่องเที่ยวต่างๆ มารวมกัน เพื่อจะสร้างเป็นทีม หรือเป็นแบรนด์สุราษฎร์ธานี”

นอกจากนี้ นายธีระชัยยังกล่าวถึงการที่รัฐบาลออกนโยบายด้านเศรษฐกิจ โดยเฉพาะเรื่องการเงินเพื่อช่วยภาคธุรกิจนั้น ทางภาคธุรกิจที่สุราษฎร์ธานี ก็ได้รับอานิสงส์ด้วย แต่มีปัญหาหนึ่งที่ทางหอการค้ามีความเห็นตรงกันคือ สิ่งที่จะช่วยภาคธุรกิจในจังหวัดสุราษฎร์ธานีให้ได้รับผลดีจริงๆ นั่นคือการแก้ไขมาตรการเรื่องเครดิตบูโร

“เราอยากให้รัฐบาลดูเงื่อนไขต่างๆ ของสถาบันการเงินของภาครัฐ รวมถึงของภาคเอกชน โดยเฉพาะการพิจารณาการเข้าถึงการลงทุน รวมถึงสินเชื่อ บางทีก็จะติดกับดักเรื่องของเครดิตบูโร ดังนั้น ภาครัฐต้องกลับไปคิดในเรื่องเครดิตบูโร ว่าจะแก้ไขอย่างไรให้สอดคล้องกับความเป็นจริง จะเกื้อหนุน หรือส่งเสริมกับมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ เพื่อให้มีการลงทุนมากขึ้น ดูจากภาคอสังหาริมทรัพย์ ในการพิจารณาสินเชื่อต่างๆ ก็จะไปติดเรื่องเครดิตบูโรเสียมาก กลุ่มสตาร์ทอัพและกลุ่มเอสเอ็มอีในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ก็มีปัญหาเรื่องเครดิตบูโร เพราะบางทีเงื่อนไขก็ไม่ได้สอดคล้องทุกอย่าง ขณะเดียวกันต้องยอมรับว่าองค์ความรู้ รวมถึงบุคลากรของผู้ประกอบการในระดับภูมิภาคก็มีจำกัด ทุกวันนี้มีการรวมอาเซียน ทุกคนก็มีแนวคิดขยับขยายตลาดให้มากขึ้นไป ดังนั้น รัฐบาลควรพิจารณาเพื่อปรับเงื่อนไขให้สอดรับกับความเป็นจริงที่เกิดขึ้น”

 
bottom of page