top of page
image.png

ชักห่วง “ร้านทอง” โดนหนัก!


แนวโน้มราคาทองคำ ปรับลงมากกว่าปรับขึ้น นายห้างจิตติแนะ นักลงทุนควรอยู่นิ่งๆ ถ้าราคาปรับลงเข้าซื้อได้บ้างแต่ไม่มาก เพราะอาจลงต่อ พร้อมเปรยเป็นห่วงร้านทองจะล่องจุ๊น เพราะเสี่ยงทั้งขึ้นทั้งล่อง

นายจิตติ ตั้งสิทธิภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวกับ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ถึงสถานการณ์ราคาทองคำภายหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาว่า ราคาทองคำปรับลดลงไปกว่า 100 เหรียญต่อออนซ์ ถือว่าปรับลดลงมามาก แต่การปรับลดลงดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีอีกหนึ่งสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาทองปรับตัวลดลง นั่นก็คือความกังวลว่าเฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ในเดือนธันวาคมนี้ เพราะจากปี 2558 เฟดเคยประกาศว่าปี 2559 นี้ จะปรับขึ้นดอกเบี้ย 3-4 ครั้ง แต่ปีนี้ยังไม่ได้ปรับขึ้นเลยสักครั้งเดียว

“มีการเก็งกันว่าในเดือนธันวาคมนี้เฟดจะมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ จึงทำให้ราคาทองคำลดลงมามาก คิดว่าต้องระมัดระวัง ถ้าดูจากนโยบายของประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาคิดว่าคงจะไม่ขึ้นดอกเบี้ย ส่วนเฟดจะมีแนวทางอย่างไรนั้นก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด หากเฟดมีการปรับขึ้นดอกเบี้ยก็จะทำให้ราคาทองคำลดลงมาเล็กน้อย ถ้าไม่มีการปรับ ราคาทองคำก็อาจจะขยับขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง”

อย่างไรก็ตาม นายจิตติกล่าวว่า ถึงขณะนี้ยังเดาทิศทางของเฟดได้ยากว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างที่เคยประกาศเมื่อปีที่แล้วหรือไม่ แต่เท่าที่ประเมินคาดว่าโอกาสการปรับขึ้นดอกเบี้ยน่าจะมีน้อยมาก โดยส่วนตัวคิดว่าไม่น่าจะมีการปรับดอกเบี้ยมากกว่า

“ส่วนเรื่องที่ทรัมป์มาเป็นประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา แล้วโลกจะยุ่งหรือไม่นั้น เรื่องนี้คิดว่าเขาเป็นนักธุรกิจ อาจมีมุมมองที่ต่างไปจากเดิม แต่ถ้าดูจากคะแนนเสียงที่ทรัมป์ได้ก็น่าจะทำให้การทำงานตามนโยบายที่ตั้งไว้สะดวกมากขึ้น ส่วนเรื่องการทำสงครามอย่างที่หลายคนหวาดกลัว มองว่าคงไม่ เพราะถ้าทำคงพังไปหมด ที่สุดแล้วทรัมป์คงน่าจะสร้างเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาให้ดีขึ้น เพราะตอนนี้เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาแย่มาก ซึ่งน่าจะมีนโยบายการปรับธุรกิจให้ดีขึ้น สำหรับไทยจะได้รับผลกระทบจากประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนใหม่หรือไม่นั้น เชื่อว่าไม่น่าจะมีผลกระทบเท่าไหร่”

ทั้งนี้ นายจิตติยังได้กล่าวต่อด้วยว่า ราคาทองคำปัจจุบันอยู่ที่ 1,227 เหรียญต่อออนซ์ ส่วนราคาจะปรับลงหรือขึ้นได้อีกสักเท่าไหร่นั้น ต้องรอดูว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือไม่ ตรงนี้เป็นประเด็นใหญ่ ถ้ามีการปรับดอกเบี้ย อาจจะทำให้ราคาทองคำต่ำกว่า 1,200 เหรียญต่อออนซ์ แต่ขณะนี้ค่าเงินดอลลาร์ซึ่งมีอิทธิพลต่อราคาทองแข็งค่าขึ้นมา ส่วนเงินบาทอ่อนค่าลงไป ซึ่งถ้าเงินบาทไม่อ่อนค่าลงไป ราคาทองคำไทยจะต่ำกว่า 20,000 บาทต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งบาทไปแล้ว

“ตอนนี้พวกกองทุนอาจจะถือโอกาสมาสร้างกระแส เพราะถ้าราคาทองคำอยู่นิ่งๆ กองทุนก็ไม่สามารถสร้างกำไร จึงต้องทำให้มีขึ้นๆ ลงๆ บ้าง ถ้าเปรียบเทียบกับวันที่ 8 พ.ย. ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งของสหรัฐอเมริกา วันนั้นราคาทองคำอยู่ที่ 1,388 เหรียญต่อออนซ์ ถือว่าสูงสุด แต่ขณะนี้ลดลงมาเกิน 100 เหรียญต่อออนซ์ ถือว่าเยอะพอสมควรทีเดียว”

จากสถานการณ์และปัจจัยต่างๆ นั้น นายจิตติแนะนำว่า นักลงทุนและนักเก็งกำไร ควรอยู่นิ่งๆ ยกเว้นถ้าราคาทองคำถูกลงมาก็ควรเข้าซื้อบ้างแต่ไม่ต้องมาก ควรเป็นการลงทุนระยะสั้นเพื่อทำกำไรเป็นรอบๆ และควรติดตามข่าว เพราะโอกาสที่ทองคำจะปรับขึ้นมีน้อยมาก โดยช่วงที่ทองคำปรับขึ้นไปที่ 1,300 เหรียญต่อออนซ์นั้น คนไทยนำทองมาขายกันจำนวนมาก เพราะทุกคนต้องการทำกำไร ซึ่งนักลงทุนคนไทยก็ประสบการณ์มากขึ้น อย่างล่าสุดราคาปรับขึ้นมา 700 บาทต่อบาททองคำ ก็มีการขายออกไป แต่เมื่อราคาลงก็กลับมาซื้อใหม่ทำกำไรต่างกันกว่าพันบาท

“ร้านทองคำก็ต้องมีกลยุทธ์ ตอนที่ราคาทองขึ้นราคาคนก็มาขายราคาลงไปที่กว่า 1,220 เหรียญต่อออนซ์ ตอนนั้นเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ตลาดปิดหมด แต่ร้านทองคำยังเปิดอยู่ คนก็จะมาซื้อ พอจะซื้อไม่มีตลาดรองรับ ร้านทองคำก็รับเต็มๆ ตรงนี้น่าเป็นห่วง คือถ้าเปิดตลาดมาวันจันทร์ราคาขยับขึ้นมา ร้านค้าทองก็ต้องไปซื้อราคาที่แพงขึ้นมาให้ลูกค้าที่ซื้อไปเมื่อเสาร์-อาทิตย์ จะขาดทุนเลย ซึ่งร้านทองคำก็คุยๆ กัน ส่วนใหญ่จะจำกัดไม่ให้ซื้อเยอะ ถ้าซื้อจำนวนมากๆ คงขายไม่ได้ เพราะไม่มีตลาดรองรับ เนื่องจากถ้าร้านทองจะขายต่อ แต่ต่างประเทศก็ปิดหมดไม่มีที่ไหนเปิด เพราะถ้ามีคนมาซื้อ เราก็นำเข้ามา แต่ว่าตลาดปิดหมดทั้งที่ฮ่องกงหรือที่ไหนๆ วันนี้ร้านทองคำใหญ่ๆ ก็ไม่กล้าเปิดรับ”

 
bottom of page