กรุ๊ปลีส (GL) ตอกย้ำความเป็นผู้นำธุรกิจดิจิทัลไฟแนนซ์ในอาเซียน ด้วยการประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 3/2559 โชว์กำไรสุทธิ 260.4 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 73.29% จากไตรมาสเดียวกันในปีก่อนหน้า และเป็นการทำสถิติกำไรสูงสุดใหม่ต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 8 หลังลุยขยายธุรกิจในกลุ่มประเทศ CLMV ตลอดจนตลาดใหญ่ในอินโดนีเซีย และล่าสุดเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัทไฟแนนซ์ชั้นนำซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นศรีลังกา โดยคาดจะส่งผลเกื้อหนุนกำไรไตรมาส 4 เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดต่อเนื่อง
นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส (GL) กล่าวว่า อันที่จริงแล้วกำไรในไตรมาส 3 ควรจะเพิ่มสูงขึ้นเยอะมากกว่านี้มาก หรือควรจะเพิ่มขึ้นเป็นเกือบ 300 ล้านบาท แต่เนื่องจากบริษัท ต้องบันทึกค่าใช้จ่ายซึ่งเกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการที่สำคัญหลายรายการ ซึ่งการควบรวมกิจการเหล่านี้โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัท Commercial Credit and Finance PLC (CCF) จะส่งผลให้ผลประกอบการของบริษัทเติบโตอย่างก้าวกระโดดจากนี้ไป เนื่องจากบริษัทจะเริ่มบันทึกส่วนแบ่งกำไรจาก CCF เริ่มตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ โดยทาง CCF ได้คาดการณ์ว่าผลประกอบการทั้งปี 2559 จะมีกำไรสุทธิ 24 ล้านดอลลาร์ ซึ่งจะทำให้ GL สามารถบันทึกส่วนแบ่งกำไรจากการถือหุ้น 29.99% เริ่มตั้งแต่ไตรมาส 4 ปีนี้
ในขณะเดียวกัน นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานคณะกรรมการบริหารของ GL กล่าวชี้แจงเพิ่มเติมว่า กำไรสุทธิในไตรมาส 3 ซึ่งเพิ่มขึ้นเพียง 4.6 ล้านบาท จากกำไรสุทธิ 255.8 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 ยังได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยรวมทั้งสิ้นประมาณ 40 ล้านบาท จากการออกหุ้นกู้แปลงสภาพจำนวน 130 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 4,500 ล้านบาท ให้กับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์ที่อินโดนีเซียคือบริษัท J TRUST ASIA (JTA) เมื่อก่อนหน้านี้
“ผลประกอบการไตรมาส 3 ตามที่แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ฯ สะท้อนถึงผลประกอบการที่ดีขึ้นของบริษัทย่อยในเครือ GL ทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจในกัมพูชาที่ยังคงเป็นดาวเด่นต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจใหม่ในอินโดนีเซียก็เริ่มมีผลกำไรในไตรมาสที่ 3 นี้ ซึ่งถือว่าเป็นระยะเวลาที่สั้นมากนับตั้งแต่เริ่มดำเนินกิจการเมื่อเร็วๆ นี้ โดยจากยอดกำไรทั้งหมด 260.4 ล้านบาทนั้น สามารถแบ่งออกเป็นกำไรจากประเทศกัมพูชาประมาณ 130 ล้านบาท ตามด้วยผลประกอบการของบริษัทแม่ในประเทศไทยอีกประมาณ 100 ล้านบาท และกำไรจากบริษัทย่อยในประเทศไทยคือธนบรรณ และจาก สปป.ลาวหรือ GLL อีกแห่งละ 15 ล้านบาท”นายทัตสึยะกล่าว
นอกเหนือจากการเข้าถือหุ้น 29.99% ในบริษัท CCF ที่จดทะเบียนในประเทศศรีลังกาแล้ว GL ยังเตรียมรุกขยายธุรกิจอย่างเต็มที่ในประเทศเมียนมาร์ โดยเข้าควบรวมกิจการทั้งหมดของบริษัทไมโครไฟแนนซ์แห่งหนึ่งและเข้าร่วมทุนผนึกกำลังกับนักธุรกิจชั้นนำชาวเมียนมาร์ คือนาย Aung Moe Kyaw ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทเงินทุน Century Finance และกิจการสุราที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเมียนมาร์ เพื่อรุกขยายธุรกิจให้ครอบคลุมบริการด้านการเงินที่หลากหลาย
ทั้งนี้ คณะกรรมการของบริษัท เมื่อวันที่ 31 ตุลาคมที่ผ่านมา มีมติออกหุ้นกู้แปลงสภาพอีกจำนวนทั้งสิ้น 70 ล้านดอลลาร์ โดยออกจำหน่ายแบบเฉพาะเจาะจง (PP) ซึ่งประกอบด้วยก้อนแรกจำนวน 50 ล้านดอลลาร์ สำหรับพันธมิตรทางยุทธศาสตร์รายเดิมในอินโดนีเซียคือ JTA และอีกส่วนหนึ่งจำนวน 20 ล้านดอลลาร์ สำหรับบริษัทพันธมิตรอีกแห่งหนึ่งในศรีลังกาคือ Creation Investments Sri Lanka, LLC (Creation SL) โดยเงินทุนก้อนใหม่นี้ซึ่งมีมูลค่ารวมประมาณ 2,400 ล้านบาท จะนำมาสนับสนุนการรุกขยายธุรกิจในกัมพูชาและเมียนมาร์
หุ้นกู้แปลงสภาพชุดใหม่ล่าสุด 70 ล้านเหรียญสหรัฐนี้ มีอายุ 3 ปีและกำหนดราคาแปลงสภาพที่ 70 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทจะนำเสนอเพื่อขอความเห็นชอบจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในต้นเดือนธันวาคมนี้