SGF ที่หยุดซื้อขายมา 10 ปี ได้รับอนุมัติจาก ตลาดหลักทรัพย์ฯ ให้กลับเข้าเทรดได้ใหม่อีกครั้งในตลาด MAI ตั้งแต่ 1 ก.พ. 60 เป็นต้นไปหลัง ฟื้นฟูกิจการ และปรับโครงสร้างธุรกิจได้เรียบร้อยตามเกณฑ์ ...ผู้บริหารแสดงความมั่นใจว่าจะไม่ทำให้ผู้ถือหุ้นผิดหวัง โดยตั้งเป้าปี 60 ขยายไลน์ตลาดสินเชื่อรายย่อยรองรับดีมานด์ของคนกว่า 1 ใน 3 ของประเทศที่ไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินกู้
รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์ฯระบุ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้อนุมัติให้บริษัท สยามเจเนอรัลแฟคตอริ่ง (SGF) ที่เมื่อก่อนนี้เป็นหุ้นฮอตตัวหนึ่งของนักลงทุนในกระดานหุ้น และถูกขนานนามว่า Small GF ด้วยเป็นบริษัทที่ร่วมทุนระหว่างแบงก์ไทยพาณิชย์ และบริษัท จี เอฟ โฮลดิ้ง ด้วยทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 20 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจรับซื้อสิทธิเรียกร้อง หรือ แฟคตอริ่งแห่งแรกในประเทศไทย เมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2528
ต่อมาเมื่อวันที่ 17 สิงหาคม 2550 บริษัทประสบปัญหาทางการเงิน เข้าข่ายถูกเพิกถอน จนตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้สั่งห้ามซื้อขายจนกว่าบริษัทจะสามารถดำเนินการแก้ไขฐานะการเงินและผลการดำเนินงานได้ ซึ่งหุ้น SGF ถูกแขวนป้าย หยุดซื้อขายมาอย่างยาวนานโดยราคาซื้อขายครั้งสุดท้ายคือราคา ณ วันที่ 16 สิงหาคม 2550ที่ 0.26 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ หลังแก้ฐานะจนสามารถพ้นเหตุอาจถูกเพิกถอน ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงให้หุ้น SGF กลับมาซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ ได้ใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ในกลุ่มอุตสาหกรรมธุรกิจการเงินจะปลดเครื่องหมาย SP และ NC
นายศุภอรรถ ตปนียากร ที่ปรึกษาประธานเจ้าหน้าที่บริหาร SGF เปิดเผยว่าที่\พิจารณาอนุมัติให้ SGF กลับเข้ามาซื้อขายในเอ็ม เอ ไอ (MAI) ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2560 ที่จะถึงนี้ หลังจากที่ผ่านมาได้ปฏิบัติตามระเบียบและข้อกำหนดอย่างเคร่งครัดจนผ่านเกณฑ์การขอพ้นเหตุเพิกถอน รวมทั้งมีผลประกอบการกำไรอย่างต่อเนื่องมาหลายปี ทั้งนี้ บริษัทฯ จะมุ่งมั่นดำเนินธุรกิจเพื่อสร้างผลประกอบการที่ดี ภายใต้นโยบายบริหารความเสี่ยงและบรรษัทภิบาลที่เหมาะสม
“บริษัทได้ฟื้นฟูกิจการ ปรับโครงสร้างธุรกิจ พัฒนาบุคลากร จนผลประกอบการสามารถกลับมามีกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง ในส่วนของการดำเนินธุรกิจในปัจจุบันเน้นให้บริการสินเชื่อผู้ประกอบการรายใหญ่โดยมีหลักประกันสูง เกินมูลหนี้ไปมาก รวมทั้งเริ่มขยายชนิดสินเชื่อเข้าสู่ธุรกิจสินเชื่อรายย่อย โดยในปีนี้จะเริ่มเห็นแนวทางในการเติบโตของบริษัทในการรุกเข้าสู่การปล่อยสินเชื่อชนิดต่างๆ เพิ่มมากขึ้น ซึ่งทีมบริหารเชื่อว่าจะแตกต่างจากคู่แข่งอย่างชัดเจน ภายหลังจากที่ได้ปรับโครงสร้างทางการเงินในช่วงที่ผ่านมา ตามงบการเงินไตรมาส 3/59 บริษัทไม่มีหนี้ สัดส่วนหนี้ต่อทุนเพียง 0.03 และมีเงินสดมาก พร้อมที่จะขยายสินเชื่อชนิดต่างๆ ในปี 2560 นี้อย่างเต็มที่”