บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ชี้แนวโน้มหุ้นเดือนกุมภาพันธ์ผันผวนต่อ แนะให้ดูทิศทางการซื้อขายของนักลงทุนต่างชาติเป็นหลัก จากผลของนโยบายทรัมป์และค่าเงินดอลลาร์ที่มีน้ำหนักไปในทางแข็งค่าขึ้น ด้าน บล.ทรีนีตี้ แนะดักจังหวะซื้อหุ้นปันผล
ทีมวิจัย บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง ประเมินสถานการณ์หุ้นเดือนกุมภาพันธ์ว่า ตลาดจะมีความผันผวนมากขึ้นหลังจาก SET Index ปรับตัวขึ้นมาต่อเนื่อง จนใกล้ระดับ 1600 จุด จากแรงซื้อ-ขายเก็งกำไร ตามการประกาศผลการดำเนินงาน ไตรมาสที่ 4/2559 นอกจากนี้การจ่ายเงินปันผลงวด 6 เดือนหลัง ของปี 2559 ยังคงถือว่าเป็นปัจจัยหนุนหุ้นบางบริษัทที่คาดว่ามีโอกาสให้ผลตอบแทนเงินปันผล (Dividend yield) สูงกว่า 3% หลายบริษัท เช่น TMT KTB SIRI AP IRPC TMB TK TISCO BTS SPCG LPN THANI THCOM TOP TVD BBL
ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงต้องระมัดระวังการเคลื่อนไหวของเงินทุนต่างชาติ อันเนื่องจาก ค่าเงินดอลล่าร์มีโอกาสแข็งค่าขึ้น หลังจากมีความชัดเจนเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายของ โดนัล ทรัมป์ ที่ถือว่าเร็วกว่าที่ตลาดฯ คาดการณ์ รวมถึงต้องติดตามผลการประชุมเฟดเกี่ยวกับโอกาสในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ทั้งนี้ ตลาดการเงินยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อค่าเงินดอลล่าร์ ว่าจะแข็งค่ำขึ้นในปี 2560 ตามการคาดการณ์เกี่ยวกับการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และ การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด 2-3 ครั้ง
“แนวโน้มตลาดหุ้นไทย เดือน กุมภาพันธ์ คาดว่าตลาดจะกลับมาผันผวน หลังจากเสร็จสิ้นการประกาศผลการดำเนินงานในระยะสั้น นักลงทุนต้องติดตามค่ำเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ให้มากขึ้น
เนื่องจากมีอิทธิพลต่อ Fund flow สำหรับ ในระยะกลาง เราประเมินว่านโยบายของทรัมป์โดยรวมกระทบต่อเศรษฐกิจไทยไม่มาก ในขณะที่ผลกระทบต่อตลาดหุ้นส่วนใหญ่ยังคงเกี่ยวข้องกับ Fund flow ซึ่งประเมินว่าในปี 2560 จะเป็นไหลเข้าและออก รวมถึง การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ ซึ่งตลาดฯได้มีการเตรียมพร้อมในระดับหนึ่งแล้วว่าเฟดมีโอกาสปรับขึ้น 2-3 ครั้ง
ทั้งนี้เรายืนยันมุมมองว่า SET Index มีโอกาสปรับขึ้นไปที่ระดับ 1650 จุด ในครึ่งปีแรกนี้ โดยมีปัจจัยหนุนจาก ผลการดำเนินงานของ บจ.ที่คาดว่าปี2560 จะขยายตัวได้ 12% กลุ่มธุรกิจที่กำไรสุทธิเติบโตเด่น ได้แก่ พลังงาน ธนาคาร และ ค้าปลีก
ทรีนีตี้ แนะสอยหุ้นปันผล
บล.ทรีนีตี้ แนะนักลงทุนถึงเวลาซื้อหุ้นปันผล ชี้สถิติหุ้นปันผลช่วงเดือนกุมภาพันธ์ทะยานแรงกว่าเดือนอื่น พร้อมเผยเคล็ดลับการส่องหุ้นปันผลที่มีประสิทธิภาพสร้างผลตอบแทน ชี้ AP, TISCO เข้าเกณฑ์น่าสะสม
นายณัฐชาต เมฆมาสิน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า แนวโน้มการลงทุนเดือนกุมภาพันธ์นักลงทุนควรให้น้ำหนักกับหุ้นปันผลเพิ่มขึ้น เนื่องจากสถิติในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา พบว่าหุ้นปันผลในดัชนี SETHD (SET High Dividend 30 Index) สามารถสร้างผลตอบแทนเฉลี่ยในเดือนกุมภาพันธ์ถึง 3.2% นับเป็นเดือนที่ให้ผลตอบแทนสูงสุด และสูงกว่าเดือนที่ปรับตัวรองลงมาอย่างเดือนมกราคม ที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 1.9%
สำหรับสาเหตุที่หุ้นปันผลสามารถสร้างผลตอบแทนในเดือนกุมภาพันธ์ดีที่สุด เนื่องจากเป็นช่วงที่หลายบริษัทเตรียมประกาศจ่ายปันผล ทำให้นักลงทุนเข้ามาดักซื้อหุ้นในช่วงเวลาดังกล่าว และมีโอกาสที่ หุ้นปันผลจะปรับตัวได้ดีกว่าหุ้นประเภทเน้นการเติบโต ที่ราคาเริ่มอยู่ในระดับสูงแล้วช่วงนี้
“แนวโน้มของหุ้นเติบโตปีนี้ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ ด้วยเพราะการปรับตัวสูงขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทั่วโลก ทำให้ความน่าสนใจของหุ้นปันผลปรับตัวลดลง แต่สำหรับเดือนกุมภาพันธ์นี้จะแตกต่างจากทุกเดือน เพราะเป็นฤดูกาลที่นักลงทุนจะเข้ามาดักหุ้นปันผลที่จะประกาศจ่ายปันผลและขึ้นเครื่องหมาย XD ในช่วง 1-3 เดือนข้างหน้า จึงเป็นช่วงเวลาที่น่าสนใจ” นายณัฐชาต กล่าว
ส่วนเกณฑ์การคัดเลือกหุ้นปันผลนั้น จะเน้นหุ้นที่อยู่ในดัชนี SETHD ที่มีการจ่ายปันผลต่อเนื่องอย่างน้อย 3 ปี และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลคาดหวังสูงกว่า 4.2% ซึ่งเป็นระดับเงินปันผลคาดการณ์ล่าสุดประจำปี 2017 ของดัชนี SETHD ขณะเดียวกันในแง่ราคาหุ้นทื่ซื้อขายในปัจจุบันจะต้องต่ำกว่าราคาเป้าหมายปีนี้ของนักวิเคราะห์ในตลาดอย่างน้อย 5% (Upside > 5%)
นอกจากนี้ยังต้องเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในช่วง 5 ปีหลังสุดสูงกว่าค่าเฉลี่ยของดัชนี SETHD ที่ 3.2% รวมถึงจะต้องเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเป็นบวกในเดือนนี้ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา
สุดท้ายควรเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนดีไปพร้อมๆกับความผันผวนของผลตอบแทนในอดีตที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งในทางคณิตศาสตร์จะวัดจากค่า Sharpe ratio โดยยิ่งมีค่า Sharpe ratioสูงยิ่งดี ปัจจุบันค่า Sharpe ratio ของดัชนี SETHD ในเดือนกุมภาพันธ์ช่วง 5 ปีหลังสุดอยู่ที่ 1.46 ดังนั้นหุ้นที่น่าสนใจจะต้องมีค่าสูงกว่า 1.46
นายณัฐชาตระบุว่า จากการศึกษาข้างต้น ฝ่ายวิเคราะห์พบหุ้นที่ได้ตามเกณฑ์คัดเลือกอยู่ทั้งสิ้น 2 บริษัท ประกอบด้วย หุ้น AP ซึ่งเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 9.2% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 7 ปีหลังสุด มี Sharpe Ratio ที่ 2.39 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 3 จากทั้งหมด 30 บริษัท และราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside มากกว่า 20% จากราคาเป้าหมายของฝ่ายที่ 9.20 บาท อีกบริษัทคือ ทิสโก้ไฟแนนเชียลกรุ๊ป หรือ TISCO ถือเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยเดือนกุมภาพันธ์ในระดับสูงที่ 6.5% และให้ผลตอบแทนในเดือนนี้เป็นบวกตลอด 8 ปีหลังสุด มีระดับ Sharpe Ratio ที่ 1.54 ถือว่าสูงเป็นอันดับที่ 5 ทั้งนี้ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside มากกว่า 10% จากราคาเป้าหมายของฝ่ายที่ 70 บาท
สำหรับ หุ้นปันผลอื่นๆที่น่าสนใจรองลงมาตามเกณฑ์การคัดเลือกของฝ่ายวิเคราะห์ ประกอบด้วย AMATA, HANA , KTB , QH , SCC , SIRI , TCAP