top of page

ก้องเกียรติแหวกเรดโอเชี่ยน..ASP ธุรกิจการเงินครบวงจร


ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ผู้บริหารธุรกิจหลักทรัพย์รุ่นเก๋า ที่ยังยืนหยัดทำธุรกิจอยู่ในปัจจุบัน รับการบริหารงานธุรกิจหลักทรัพย์ไม่เคยมีคำว่าง่าย ไม่ว่าจะเป็น 30 ปีก่อนหรือปีนี้ที่การแข่งขันรุนแรงขึ้น และเข้าสู่ยุคดิจิตอล ฟินเทค ซึ่งต้องพร้อมปรับตัว วาง ASP เป็นบริษัทเกรดเอ ที่พร้อมให้บริการลูกค้าด้วยคุณภาพมากกว่าราคา เน้นกระจายรายได้บริหารความเสี่ยง มั่นใจเป็นกลุ่มธุรกิจการเงินชั้นนำแบบครบวงจร และ ASP คือหุ้นที่ควรมีเก็บไว้ในพอร์ท

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และ บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส และประธานกรรมการ บริษัทที่ปรึกษา เอเซีย พลัส กล่าวถึงแผนการทำงานของกลุ่มบริษัทเอเซียพลัส สำหรับปี 2560 ว่าจะยังคงยึดกลยุทธ์เดิมที่ใช้ได้ผลดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา นั่นคือ การดำเนินงานภายใต้แนวคิดการกระจายรายได้บริหารความเสี่ยง เนื่องจากสภาพธุรกิจต่างๆปรับเปลี่ยนและบริษัทต้องพร้อมปรับตัว

กล่าวคือ สัดส่วนรายได้ประมาณการณ์ปี 2559 เปรียบเทียบปีก่อนหน้า (2558) ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ 55% (54%) ธุรกิจบริหารสินทรัพย์และที่ปรึกษาการลงทุน 15% (15%) การลงทุน 14% (14%) ธุรกิจตราสารหนี้ 13% (11%) ธุรกิจวาณิชธนกิจ 4% (6%) และเมื่อดูโครงสร้างรายได้ของกลุ่มบริษัท เอเซีย พลัส ในหลายปีก่อน ปี 2551 รายได้จากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อยู่ที่ 66% การลงทุน 14% บริหารสินทรัพย์และที่ปรึกษาการลงทุน 12% ตราสารหนี้ 5% และวาณิชธนกิจ 2%

ดร.ก้องเกียรติกล่าวว่า“จากตัวเลขดังกล่าว เห็นได้ว่ากลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส กระจายรายได้จากธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ไปยังผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินอื่นภายในกลุ่มอย่างชัดเจน โดยเฉพาะตราสารหนี้ที่เติบโตถึงเกือบ 10% เทียบกับหลายปีที่ผ่านมา ขณะที่บริหารสินทรัพย์และที่ปรึกษาการลงทุนก็เติบโตเช่นกัน ซึ่งในปีนี้จะมุ่งเน้นการเติบโตในกลุ่มนี้ตามกลยุทธ์ที่วางไว้ และรองรับความต้องการลูกค้าปัจจุบันที่ต้องการลงทุนหลากหลายมากขึ้น

“ในการกระจายรายได้เพื่อบริหารความเสี่ยง เอเซีย พลัส ทำมาต่อเนื่องหลายปีแล้ว เรามองเห็นความสำคัญของการกระจายรายได้ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเป็นตัวแปรที่บ่งชี้ถึงความสามารถในการแข่งขันและการเติบโตที่แข็งแกร่ง หลายปีมานี้สัดส่วนรายได้ของกลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส เปลี่ยนแปลงเข้าสู่สมดุลมากขึ้นเรื่อยๆ จึงเรียกได้ว่า ขณะนี้กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส เป็นผู้นำในกลุ่มธุรกิจการเงินครบวงจรอย่างเต็มรูปแบบ”

จากความสำเร็จในการเดินแผนธุรกิจนี้ทำให้ปี 2560 ยังคงเดินหน้าไปตามกลยุทธ์เดิม โดยกำหนดกลยุทธ์หลักขับเคลื่อนธุรกิจ 4 กลยุทธ์คือ 1) ส่งเสริมการเรียนรู้และยกระดับความรู้ให้บุคลากรภายใน รวมถึงลูกค้าและนักลงทุนทั่วไป 2) กระจายรายได้บริหารความเสี่ยง โดยการสร้างซินเนอร์ยี่ระหว่างธุรกิจในกลุ่ม เน้น Cross-Selling มากขึ้น 3) พัฒนาเทคโนโลยีด้านการลงทุน เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างของกลุ่มลูกค้า 4) ยกระดับการสื่อสารกับลูกค้า ผ่านช่องทางโซเชียลมีเดียมากขึ้น

การสานต่อกลยุทธ์ขยายฐานลงทุนไปยังธุรกิจอื่น

สำหรับกลยุทธ์การกระจายการลงทุนต่างประเทศที่กลุ่มบริษัทเอเซีย พลัส ดำเนินมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งลงทุนในหุ้นของบริษัทจดทะเบียน ตราสารหนี้ หุ้นที่ไม่ได้จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ หรือไพรเวท อีควิตี้ และในธุรกิจสตาร์ทอัพ ถือได้ว่าเป็นสมรรถนะหลักของเอเซีย พลัส ที่สร้างความได้เปรียบอย่างยั่งยืนในตลาด โดยในปี 2560 นี้ จะยังคงเดินหน้ากลยุทธ์เดิมขยายการลงทุนในต่างประเทศ

“เอเซีย พลัส เป็นผู้บุกเบิกธุรกิจใหม่และลงทุนในต่างประเทศมาต่อเนื่อง อย่างการเปิดซื้อขายหุ้นต่างประเทศกว่า 30 ตลาด รวมทั้งการกระจายการลงทุนในหุ้น ตราสารหนี้ และธุรกิจใหม่ที่เติบโตแบบก้าวกระโดดอย่างสตาร์ทอัพหรือฟินเทค เมื่อปี 2559 บมจ. เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ได้ร่วมทุนกับธุรกิจอี-โลจิสติกส์ (E-logistics) ที่ขยายตลาดมาไทยและเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็ว ดังนั้นในปีนี้จะกระจายการลงทุนในธุรกิจดังกล่าวมากขึ้น”

ในเรื่องของการบริการลูกค้า ที่มีความทันสมัย คือสิ่งที่ ASP ให้ความสำคัญ และจำเป็นต้องแข่งขันเพื่อให้ลูกค้าได้รับความสะดวกสบายทันสมัย โดยเฉพาะการซื้อขายออนไลน์ การซื้อขายบนแอพลิเคชั่นมือถือ ฟินเทค ซึ่งมีหลายแห่งให้บริการกันมากขึ้น แต่ดร.ก้องเกียรติ ย้ำว่าสู้ได้สบายมากและไม่เคยให้ความสำคัญกับคู่แข่งรายเล็กรายน้อยที่ก้าวเข้ามา

ล่าสุด บล.เอเซีย พลัส ได้พัฒนาแอพพลิเคชัน ASP Smart ซึ่งปรับโฉมใหม่ มีข้อมูล บทวิจัย และข่าวสาร สามารถซื้อขายหลักทรัพย์ออนไลน์ได้ ถือว่าเป็นการเดินหน้าพัฒนาเทคโนโลยีที่รองรับลูกค้าทุกกลุ่มเป้าหมาย โดยเฉพาะนักลงทุนหน้าใหม่ อีกทั้ง ขยายช่องทางโซเชียลมีเดีย อย่างเฟซบุ๊กไลฟ์ ทวิตเตอร์ เพื่อให้นักลงทุนเข้าถึงข้อมูลการลงทุนได้ง่ายขึ้น โดยจากตัวเลขของตลาดหลักทรัพย์ฯ พบว่าในปีที่ผ่านมาเพิ่มขึ้นถึง 9% สะท้อนถึงความสนใจในการลงทุนที่มากขึ้น และนักลงทุนกลุ่มนี้ก็ให้ความสำคัญกับการใช้เทคโนโลยีในการลงทุนเป็นอย่างมาก

“แม้เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทมากขึ้น แต่พนักงานยังเป็นกำลังสำคัญ การพัฒนาศักยภาพของพนักงานผ่านการฝึกอบรมให้ความรู้ เป็นสิ่งที่เอเซีย พลัส ส่งเสริมมาโดยตลอด ถ้าพนักงานมีความรู้ มีข้อมูลที่ถูกต้องแม่นยำ ก็จะสะท้อนถึงภาพลักษณ์ของพนักงานและบริษัท และช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น โดยในปีนี้จะมุ่งเน้นส่งเสริมการฝึกอบรม Soft Skills เพื่อการทำงานแบบมืออาชีพในทุกด้าน”

การเลือกยืน เลือกทำธุรกิจกับลูกค้าในกลุ่มที่ถูกต้อง ด้วยประสิทธิภาพการให้บริการของบริษัทระดับพรีเมียม คือสิ่งที่ ดร.ก้องเกียรติ อธิบายว่าจะต้องยึดมั่น และไม่เห็นว่าเป็นเรื่องที่น่ากลัวในการทำธุรกิจด้านหลักทรัพย์สมัยใหม่ที่ทุกคนล้วนมองว่าการแข่งขันรุนแรง และ เอเซียพลัส จะยืนหยัดเป็นผู้นำธุรกิจแถวหน้าต่อไป เสริมสร้างรายได้เป็นบริษัทที่มั่นคง และยิ่งทำให้ ดร.ก้องเกียรติ ยืดอกภูมิใจว่าหุ้น ASP เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดีและนักลงทุนควรมีไว้ในพอร์ต

4 views
bottom of page