
ในด้านการเก็งกำไรในตลาดหุ้นไทย คงจะไม่รู้ว่าขณะนี้ตลาดกำลังเข้าสู่ช่วงเทศกาลจ่ายเงินปันผลประจำปี เพราะการเก็งกำไรเน้นเฉพาะเรื่องส่วนต่างของราคา โดยไม่สนใจว่าราคาระดับใดที่เหมาะสมกับหุ้น
ในปัจจุบัน การเก็งกำไรจะมองรอบของการเก็งกำไรเป็นหลัก และให้ความสำคัญกับปริมาณเงินที่เข้ามาเก็งกำไรในตลาด เพราะด้วยหลักการทั่วไปที่แต่ละตลาดจะถูกกดดันจากอุปสงค์และอุปทาน ทำให้ราคาหุ้นจะถูกมองว่าจะขึ้นลงได้จากแรงซื้อและขาย เหตุผลอื่นๆ แทบไม่มีน้ำหนัก ในทางกลับกันในด้านการลงทุน ยึดเหตุผลหลักจากความเป็นจริงของพื้นฐาน โดยมองว่าราคาหุ้นที่แท้จริงจะคิดมาจากมูลค่าพื้นฐานที่เป็นจริงในแต่ละช่วงเวลา ไม่ได้เกิดจากแรงซื้อหรือขายที่เปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา ดังนั้น ราคาหุ้นที่แท้จริงจะไม่เปลี่ยน จนกว่าพื้นฐานของธุรกิจจะมีการเปลี่ยนแปลงในแต่ละช่วงเวลา
ในขณะเดียวกันยังมองการลงทุนในตลาดหุ้นจากอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลเป็นสำคัญ เพราะเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้จริง และไม่มีความเสี่ยงแต่อย่างใด แตกต่างกับการเก็งกำไรที่มอง เฉพาะการเปลี่ยนแปลงของราคาเป็นสำคัญ อัตราผลตอบแทนจากการเก็งกำไรจึงขึ้นอยู่กับส่วนต่างของราคาเท่านั้น แต่เนื่องจากราคาหุ้นจากการเก็งกำไรจะมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา โดยจะเปลี่ยนไปตามแรงซื้อขายของการเก็งกำไร จึงมีความเสี่ยงสูง
ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น จึงมองว่าการลงทุนแท้จริงจะมีความเสี่ยงต่ำมาก หรือแทบไม่มีความเสี่ยง เพราะเป็นสิ่งที่สามารถประเมินและจับต้องได้ พบว่าในช่วงเวลาแต่ละปี (12 เดือน) ตลาดจะมีการจ่ายเงินปันผลในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันเสมอ หลังจากสิ้นปีธุรกิจต่างๆ จะทยอยรายงานผลประกอบการและจะทยอยจ่ายเงินปันผลตามผลกำไรที่ปรากฏตามนโยบายของธุรกิจที่มีการกำหนดกันไว้แน่นอนแล้ว อาจมีการเปลี่ยนแปลงได้บ้างจากนโยบายการลงทุนในแต่ละปี แต่จะมีได้น้อย ดังนั้น เมื่อมาดูในสภาวะปัจจุบัน จะพบว่าธุรกิจต่างๆ ในตลาดได้ทยอยรายงานผลประกอบการของปี 2559 ออกมาแล้ว และเริ่มมีการประกาศจ่ายเงินปันผลออกมาด้วย ทำให้มองเป็นช่วงเวลาหรือเทศกาลการจ่ายเงินปันผลประจำปี 2559 นักลงทุนจะสามารถเลือกลงทุนเพื่อรับเงินปันผลที่สูงได้ตามใจชอบ จึงควรคิดพิจารณาให้ดีก่อนที่จะลงทุน
ตลาดซึม แต่กำไรดี จ่ายปันผลสูง เป็นจังหวะของการลงทุน
ความสับสนของการลงทุน เกิดจากการเห็นภาพตลาดโดยรวมดูผันผวน ในความเป็นจริงของการลงทุน ควรกลับไปดูลึกลงรายละเอียด จะพบว่าในภาพรวมที่ดูซึม แท้จริงอาจยังมีสิ่งดีๆ ให้เลือกลงทุนได้ จะเหมารวมว่าเมื่อภาพรวมดูไม่ดี ย่อมหมายถึงหุ้นทุกตัวไม่ดี อาจไม่ใช่คำตอบที่ถูกต้อง
ปัจจุบันจะพบว่าวันที่ดัชนีตลาดติดลบ แต่เมื่อดูในรายละเอียดของตลาด ยังคงพบว่ามีหุ้นจำนวนมากที่ยังเคลื่อนไหวในทิศทางบวกได้ อาจจะคิดว่าเป็นการเดินสวนกระแสความจริง ก็คือหุ้นเหล่านั้นมีดีในตัว จึงยังสามารถจูงใจให้มีการเข้ามาลงทุนอย่างปัจจุบัน ดัชนีตลาดที่ยังผันผวนอยู่ต่ำกว่า 1,600 จุด ทางเทคนิคของการเก็งกำไรจะมองว่า 1,600 จุด เป็นแนวต้านใหญ่ จึงผ่านได้ยาก นักเก็งกำไรจะเลือกกดลงมาเล่นเก็งกำไรในระดับต่ำกว่า 1,600 จุด ก็จะทำให้นักเก็งกำไรอื่นๆ กล้าที่จะเข้ามาเก็งกำไรไปด้วยเพราะคิดเหมือนกัน แต่ในทางการลงทุนด้านพื้นฐานกลับมองว่า แม้ดัชนีตลาดไม่ผ่าน 1,600 จุด ก็ไม่ได้หมายความว่าหุ้นทุกตัวเดินต่อไม่ได้ ตรงกันข้ามด้วยการคิดลงทุนด้วยเหตุผลทางพื้นฐาน จะมองว่าหุ้นตัวใดที่มีผลกำไรดี จ่ายเงินปันผลสูง คำนวณออกมาแล้วได้อัตราผลตอบแทนสูงกว่าดอกเบี้ยในระบบการเงิน ย่อมเป็นทางเลือกในการลงทุน เพราะจะได้ความคุ้มครองมากกว่าการลงทุนในด้านอื่นๆ ด้วยเหตุผลการพิจารณาในหลักนี้จึงได้คำตอบที่ชัดเจนว่า แม้ภาวะตลาดโดยรวมจะซึม แต่หากยังมีการจ่ายเงินปันผลที่สูงในหุ้นบางตัวบางกลุ่ม ก็นับเป็นจังหวะดีกับการจะเข้าเลือกลงทุน ซึ่งรวมถึงการลงทุนในระยะยาวได้ด้วย เพราะได้คำตอบสุดท้ายที่ว่าลงทุนไปแล้วได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่าตามความต้องการ จึงไม่ควรกำเงินไว้ในมือนิ่งๆ