top of page
image.png

“โลจิสติกส์” ไทยเละตุ้มเป๊ะ! แนะรัฐเร่งตั้งสำนักงานคุม


นายสายัณห์ จันทร์วิภาสวงศ์ ประธานคณะทำงานโครงสร้างพื้นฐานและโลจิสติกส์เพื่อการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) เปิดเผยกับ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ถึงหนังสือโลจิสติกส์ที่ได้จัดทำและส่งไปถึงนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี สมาชิกสนช.และสมาชิกสปช.เพื่อทำความเข้าใจเรื่องของโลจิสติกส์ของประเทศไทยในช่วงที่ผ่านมาว่า ได้ใช้เวลารวบรวมข้อมูลและเขียนหนังสือดังกล่าวนานหลายเดือน โดยข้อมูลทั้งหมดจะเป็นข้อมูลล่าสุด และเนื้อหาน่าจะเป็นประโยชน์ต่อการรองรับเออีซี กับรองรับการค้าชายแดน ถือเป็นเรื่องสำคัญของเมืองไทย

ส่วนใหญ่ คนเข้าใจว่าโลจิสติกส์คือการขนส่ง แต่ความจริง การขนส่งคือส่วนหนึ่งของโลจิสติกส์เท่านั้น โลจิสติกส์จะเกี่ยวข้องกับคนเราตั้งแต่อยู่ในบ้าน จนออกไปทำงานนอกบ้าน รวมไปถึงกระบวนการผลิต ขนส่ง เมื่อเราออกจากบ้านไปทำงานก็ต้องอาศัยขนส่งมวลชน รถไฟฟ้า รถใต้ดิน รถโดยสารประจำทางเพื่อมาทำงาน เมื่อมาทำงานเราก็ต้องมีระบบลิฟท์เพื่อขึ้นไปชั้นที่ทำงาน เหล่านี้ จะเกี่ยวข้องกับระบบโลจิสติกส์ทั้งหมด” นายสายัณห์ กล่าวและว่า เมื่อเราเข้าสู่ระบบการทำงานที่โรงงาน ก็จะมีระบบสายพานลำเลียง มีห้องจัดเก็บสินค้าวัตถุดิบ ส่วนนี้ก็จะเกี่ยวกับโลจิสติกส์การผลิต และเมื่อนำสินค้าลงบรรจุกล่อง ต้องออกแบบแพ็คเกจจิ้ง แล้วก็ต้องขนสินค้าไปจัดเก็บและส่งสินค้าไปที่ร้านค้า เหล่านี้ก็จะมีเรื่องของเทคโนโลยี เรื่องบาร์โค้ตต่างๆ เหล่านี้เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ และจากร้านค้าไปสู่มือผู้บริโภค จะเห็นว่าสินค้าที่เก็บในร้านค้า จะต้องมีลักษณะการจัดเรียงที่ดี ซึ่งสินค้าที่มีการจัดเก็บนั้น จะจัดเก็บเพื่อขาย ดังนั้น จะต้องมีคลังสินค้าที่เหมาะสมใกล้เคียงกับแหล่งผลิต จะต้องมีศูนย์กระจายสินค้าพืชผลทางการเกษตร เพื่อรองรับสินค้าที่ผลิตเสร็จแล้ว จะต้องไปจัดเก็บในคลังสินค้า เพื่อจัดส่งไปยังผู้บริโภค

“เห็นได้ว่าทั้งหมดเกี่ยวกับโลจิสติกส์ รวมไปถึงความมั่นคง รถการค้า รถขนส่งชายแดน ต่างประเทศเข้ามาตามกรอบเออีซี เราจะต้องทราบรายละเอียดว่าขนส่งอะไร ใครเป็นคนขับ จะไปส่งสินค้าที่ไหน เมื่อข้ามชายแดนมา ก็จะเกี่ยวข้องกับความมั่นคง และเกี่ยวข้องกับเขตเศรษฐกิจพิเศษ ทั้งหมดจะเชื่อมโยงกันหมดที่เกี่ยวกับโลจิสติกส์ จะแทรกทุกอณูของการทำงานตั้งแต่ชีวิตที่บ้านจนออกไปทำงาน และเกี่ยวข้องความมั่นคงของประเทศ และเกี่ยวข้องกับระบบเศรษฐกิจ”

นายสายัณห์เปิดเผยว่า ปัจจุบันรัฐบาลเป็นผู้บริหารควบคุมเรื่องโลจิสติกส์ แต่ปรากฏว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโลจิสติกส์ของรัฐบาล มีอย่างน้อย 16 หน่วยงาน ดังนั้น กิจกรรมโลจิสติกส์ จึงกระจายไปยังหน่วยงานของรัฐอย่างกระจัดกระจายไม่มีเจ้าภาพ ไม่มีข้อมูลเข้ามาส่วนกลางเพื่อจะกำหนดยุทธศาสตร์ชาติ อย่างเช่นขณะนี้สภาพัฒน์ฯมีหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์โลจิสติกส์ แต่ปรากฏว่าเมื่อกำหนดไปแล้วไม่มีหน้าที่ไปตรวจสอบว่า หน่วยงานนั้นหน่วยงานนี้ ทำถูกต้องหรือไม่ ทำตามเป้าหมายหรือไม่ ไม่มีสิทธิจะไปประเมิน

“ดังนั้นที่ผ่านมา เราจึงเห็นภาพที่ต้องลงจากรถไฟฟ้า เพื่อจะไปต่อรถโดยสารประจำทางอีก 1 กิโลเมตร และไปขึ้นรถไฟฟ้าอีกสถานีหนึ่ง ตรงนี้คือความไม่บูรณาการกัน หรือมีท่าเรือนครสวรรค์สร้างมา 30 ปี ใช้เงินไปหลายพันล้านบาท แต่ปรากฏว่าไม่มีการใช้บริการ และตอนนี้ได้ปิดการใช้บริการ ส่วนท่าเรือระนองที่สร้างมาจนป่านนี้ ก็ไม่เคยมีการใช้บริการทางด้านขนส่งระหว่างประเทศ ท่านี้สร้างมาเพื่อให้บริการพวกขุดเจาะน้ำมัน ซึ่งผิดวัตถุประสงค์การสร้างท่าเรือ ผมเคยพูดเล่นๆว่า ท่าเรือระนองเป็นท่าเรือที่ดีที่สุดในโลก เพราะทั้งปีมีเรือเข้ามาลำเดียว เจ้าหน้าที่แทบจะไปอุ้มกัปตันเรือเข้ามาเลย เหล่านี้คือสิ่งที่ไม่บูรณาการกัน”

นายสายัณห์กล่าวว่าไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ผลิต-ปลูกพืช ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ยางพารา แต่ปรากฏว่า ประเทศไทยไม่เคยมีศูนย์รับส่งกระจายสินค้าในแต่ละหมู่บ้าน แต่ละตำบล ค่าขนส่งข้าวเปลือกจากนาไปที่โรงสีปีหนึ่งเฉลี่ย 9.6 พันล้านบาทที่ชาวนาต้องจ่าย ก็ไม่มีใครเคยคิดแก้ปัญหาตรงนี้ทำไมไม่ทำยุ้งฉางให้กับชาวนา เพื่อชาวนาจะได้เก็บข้าวไว้ในศูนย์กระจายสินค้าตรงนี้ จากนั้นช่วยชาวนาจัดการด้วยการทำให้เป็นสหกรณ์ลงทุนระหว่างภาครัฐเอกชน ซึ่งรัฐไม่มีคนมาวางยุทธศาสตร์ตรงนี้เลย

“ขณะเดียวกัน การขนส่งผลไม้จากไทยไปต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศเพื่อนบ้านใกล้เคียง เชื่อหรือไม่ 90% เป็นการควบคุมโดยคนต่างชาติ เขาจะตั้งบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย และคนส่วนใหญ่ที่ทำงานจะเป็นคนต่างชาติ คนเหล่านี้จะไปรับซื้อผักผลไม้ในส่วน เช่น ลำไย ทุเรียน ใช้รถบริษัทตัวเองขนข้ามไปประเทศเพื่อนบ้านจนไปถึงประเทศปลายทาง ทั้งหมดอยู่ในความดูแลของชาวต่างชาติทั้งหมด ซึ่งสนช. ออกหนังสือมาฉบับหนึ่งเมื่อปีที่แล้ว ว่าถ้าการขนส่งผลไม้ยังเป็นแบบนี้ อีกไม่นานชาวสวนก็จะเป็นเพียงผู้รับจ้างผลิต ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าวิตก” นายสายัณห์กล่าวและว่า ถ้าประเทศไทยไม่รีบมีสำนักงานโลจิสติกส์ และโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์แห่งชาติ อีกหน่อยต่างชาติจะรุกเข้ามา โดยที่ปัจจุบันไทยส่งออกทางเรือปีหนึ่งทำรายได้เป็นแสนล้านบาท เรือที่ใช้ในการขนส่ง 70-80% เป็นเรือของต่างชาติ ประเทศไทยไม่เคยมีเรือของตัวเองเลย มีบริษัทไทยเดินเรือก็เจ๊งไปหมดแล้ว นี่คือระบบโลจิสติกส์เมืองไทยที่ไม่มีบูรณาการกัน

“อยากให้มีการจัดตั้งสำนักงานโลจิสติกส์แห่งชาติ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ จากนั้นจะเป็นการทำหน้าที่ประเมินแต่ละหน่วยงานเพื่อที่จะทำหน้าที่อย่างไรกัน แล้วการก่อสร้างก็ยังคงเป็นไปตามการวางแผนของแต่ละกระทรวงแต่ละหน่วยงาน ซึ่งต่อไปนี้ถ้าจะสร้างสนามบิน สร้างท่าเรือ สร้างสถานีรถไฟ ไม่ใช่ต่างคนต่างทำ แต่จะต้องมาเข้าที่สำนักงานโลจิสติกส์ เพื่อจะอนุมัติ แล้วก็ไปของบประมาณ และไปผ่านที่ครม. แล้วสำนักงานโลจิสติกส์แห่งชาติก็จะไปตรวจสอบว่าได้ดำเนินการตามแผนหรือไม่ ซึ่งปัจจุบันไม่มีหน่วยงานใดทำอย่างนี้ เชื่อหรือไม่ว่า ความสามารถในการแข่งขันทางด้านโลจิสติกส์ ในปี 2014 ไทยหล่นไปที่ 35 พอปี 2016 ไทยหล่นไปอันดับที่ 45 ตรงนี้คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นสำหรับประเทศไทย”

 
bottom of page