
บอร์ด GEL อนุมัติบริษัทใส่เงิน165 ล้านบาท ร่วมทุนกับ Nippon Concrete Industries (NC) บริษัทชั้นนำประกอบธุรกิจผลิตเสาเข็มและ Spun Pile ในประเทศญี่ปุ่น จัดตั้งบริษัทย่อย สร้างโรงงานผลิตเสาเข็ม-เสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงโดยใช้แรงเหวี่ยง โดย GEL ถือหุ้น 82.5% และ NC ถือหุ้น 17.5%
นายธิติพงศ์ ตั้งพูนผลวิวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจนเนอรัล เอนจิเนียริ่ง หรือ GEL แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติการจัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตและจำหน่ายเสาเข็มคอนกรีตเสริมเหล็กอัดแรงโดยใช้แรงเหวี่ยง (Spun Pile) โดยการร่วมทุนระหว่างบริษัทกับ Nippon Concrete Industries Co., Ltd. (NC) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศญี่ปุ่น
บริษัทย่อยที่ร่วมลงทุนครั้งนี้ มีมูลค่าการลงทุนรวมทั้งสิ้นประมาณ 600 ล้านบาท ซึ่งจะมีทุนจดทะเบียนจำนวนไม่เกิน 200 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนการถือหุ้น ดังนี้ GEL จะลงทุนในหุ้นของบริษัทย่อยมูลค่าประมาณ 165 ล้านบาท คิดเป็นประมาณร้อยละ 82.5 และ NC จะลงทุนในหุ้นของบริษัทย่อยมูลค่าประมาณ 35 ล้านบาท คิดเป็นประมาณร้อยละ 17.5 ทั้งนี้แหล่งเงินทุนของบริษัทฯ จะมาจากเงินทุนหมุนเวียนและ/หรือที่ดินของบริษัท และบริษัท คาดการณ์ว่าบริษัทย่อยจะกู้ยืมเงินในอนาคตจากสถาบันการเงินเป็นจำนวนเงินประมาณ 400 ล้านบาท
สำหรับประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับจากการร่วมลงทุนในครั้งนี้ คือ NC เป็นบริษัทที่ประกอบธุรกิจผลิตเสาเข็มและ Spun Pile มายาวนานในประเทศญี่ปุ่น อีกทั้งเป็นผู้มีความรู้ ความเชี่ยวชาญ ประสบการณ์ ตลอดจนเป็นผู้นำด้านการใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงในด้านการผลิตเสาเข็มและ Spun pile ดังนั้น การจัดตั้งบริษัทย่อยโดยการร่วมทุน กับ NC เพื่อลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิตและจำหน่าย Spun Pile ในครั้งนี้นั้น นอกจากจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่บริษัทย่อย ในแง่ของการได้รับการถ่ายทอดนวัตกรรมและเทคโนโลยีชั้นสูงในด้านการผลิต Spun Pile จาก NC ซึ่งส่งผลให้สามารถผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีต้นทุนต่ำและมีประสิทธิภาพ สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้
“บริษัทยังได้รับประโยชน์จากการที่บริษัทย่อยแห่งหนึ่ง ที่ประกอบกิจการผลิตและจำหน่ายลวดแรงดึงสูง (PC Wire) ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักที่ใช้ในการผลิต Spun Pile ดังนั้น ย่อมก่อให้เกิดประโยชน์ในแง่การสร้างกำลังผนึกของกิจการ (Synergy) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและลดความเสี่ยงต่อการขาดแคลนวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตอีกด้วย อีกทั้ง บริษัทฯ ยังสร้างความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับและตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เพิ่มมากขึ้น จากนโยบายของภาครัฐและการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐ รวมถึงการขยายตัวของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของภาคเอกชนที่ยังคงทยอยเปิดโครงการและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง