
แนวโน้มราคาน้ำตาลโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง ส่งผลดี KBS เร่งเดินเครื่องโครงการราง C ดันกำลังผลิตรวมเพิ่มเป็น 35,000 ตันอ้อย/วัน จากเดิมที่มีกำลังการผลิต 23,000 ตันอ้อย/วัน พร้อมดันแผนสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่กำลังการผลิต 20,000 ตันอ้อย/วัน ซึ่งจะใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3 ปี
จากแนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยราคาน้ำตาลทรายดิบตลาดนิวยอร์ก สัญญาเดือนพฤษภาคม 2017 ขึ้นมาอยู่ที่ 16.54 เซนต์ต่อปอนด์ เพิ่มขึ้น 0.22 เซนต์ต่อปอนด์ เมื่อเทียบกับปี 2559 อยู่ที่ 11-12 เซนต์/ปอนด์ ทำให้ราคาน้ำตาลส่งออกของไทยดีขึ้นตามไปด้วย ทำให้บรรดาผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทรายสดชื่นขึ้นมาก โดยเฉพาะ บริษัทโรงงานน้ำตาลคอนบุรีหรือ KBS ที่ระบุว่าผลการดำเนินงานในปี 2560 จะสามารถพลิกกลับมาโดดเด่นได้อีกครั้ง
นายทัศน์ วนากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) (KBS) เปิดเผยว่า
แนวโน้มราคาน้ำตาลในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา และเชื่อว่าราคาน้ำตาลน่าจะผ่านจุดต่ำสุดแล้ว เนื่องจากได้รับปัจจัยหนุนจากความต้องการบริโภคที่สูงขึ้น ขณะที่สต็อกน้ำตาลในหลายประเทศปรับตัวลดลง
นอกจากนี้บริษัท น้ำตาละครบุรี ยังมีปัจจัยบวกที่เป็นแรงเสริมอีกเรื่องคือสายการผลิตใหม่ หรือโครงการราง C ขนาดกำลังการผลิต 12,000 ตันอ้อย/วัน เปิดสวิทช์เครื่องจักรให้ทำงานแล้ว ส่งผลให้บริษัทฯมีกำลังการผลิตรวมในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 35,000 ตันอ้อย/วัน อีกทั้งสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการหีบสกัดน้ำอ้อยอย่างเห็นได้ชัดจากการใช้เทคโนโลยีดีฟฟิวเซอร์ และยังสามารถลดระยะเวลาที่ชาวไร่อ้อยต้องรอระหว่างนำอ้อยเข้าสู่กระบวนการผลิต ได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งนี่คือหนึ่งในการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ของบริษัทในรอบปีที่ผ่านมา
ขณะเดียวกัน บริษัทยังมีโครงการไซโลลดความชื้นน้ำตาลและอาคารบรรจุใหม่ ซึ่งแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนสิงหาคมปี 2559 ที่ผ่านมา โดยโครงการนี้สามารถลดต้นทุนจากการ Repack และการรักษาคุณภาพน้ำตาลให้อยู่ในระดับที่ดีก่อนบรรจุ ซึ่งลดการปฏิเสธการรับน้ำตาลจากลูกค้าได้เป็นอย่างดี
“ตอนนี้บริษัทมีแผนการก่อสร้างโรงงานน้ำตาลแห่งใหม่ขนาดกำลังการผลิต 20,000 ตันอ้อย/วัน ที่อำเภอสีคิ้ว นครราชสีมา คาดว่าจะใช้เวลาในการดำเนินการประมาณ 3 ปี โดยอยู่ในระหว่างการดำเนินการเรื่อง EIA และศึกษาแผนการจัดหาเงิน เพื่อสนับสนุนโครงการ ซึ่งมั่นใจว่าหากทุกอย่างเป็นไปตามแผนจะช่วยผลักดันธุรกิจเติบโตอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง จะสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น”
ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้า ปัจจุบันทางบริษัท ผลิตไฟฟ้า ครบุรี ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ได้กลับมาเดินเครื่อง Boiler เป็นปกติ หลังจากเกิดอุบัติเหตุต้องหยุดเดินเครื่องไป 6 เดือน และขายไฟให้กับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตได้แล้วตั้งแต่ไตรมาส 4/2559 ซึ่งเป็นไปตามสัญญา Firm Contract คาดว่าจะทำให้ปีนี้ผลประกอบการของบริษัทน่าจะดีขึ้น จากที่บริษัทย่อยสามารถกลับมารับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้าแล้ว