ฝรั่งไม่ไล่ซื้อ ! การปรับตัวลงมาปิดต่ำกว่า 1,550 จุดของ SET ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในเชิง Tactical ถือเป็นการยืนยันภาวะ “Dead Cross ขั้นที่ 3” ของ SET และส่งผลให้ SET เข้าสู่แนวโน้มของการพักฐานรายเดือน หรือ Monthly อีกครั้ง
ทั้งนี้แม้ว่าในเบื้องต้น จะพบว่าแนวโน้มของดัชนี VIX Index ของสหรัฐ และ HIS VIX Index ของฮ่องกงที่ยังคงแกว่งตัวอยู่ต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 วัน จะสะท้อนว่า Momentum ของตลาดหุ้นสหรัฐ และเอเชียยังคงเป็นบวก หรือ Risky ประกอบกับการที่ Market Movement Barometer ของ SET ถอยมาอยู่ในโซน “Panic” แต่คาดว่าจะส่งผลให้ SET ยังคงทำได้แค่ Technical Rebound สั้นๆเท่านั้น โดยที่เงื่อนไขสำคัญคือตราบใดก็ตามที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปปิดเหนือ 1,575 จุด เพื่อทำลายภาวะ Dead Cross ทั้ง 3 ขั้น และทำให้สัญญาณการพักตัวในรายเดือนล้มเหลวลงได้ “นายหมูบิน” ยังคงให้น้ำหนักกับการพักฐานระยะสั้นของ SET ต่อไปก่อน โดยมีบริเวณ 1,530 จุดจะทำหน้าที่เป็นแนวรับต่อไป และนักลงทุนระยะกลางควรใช้จังหวะที่ SET ดีดตัวขึ้น ลดพอร์ตหุ้นลงเหลือ 50% ออกมาก่อนครับ
อย่างไรก็ดีคำถามที่ “นายหมูบิน” เชื่อว่าหลายท่านสนใจคือการเคลื่อนไหวของนักลงทุนต่างชาติที่เริ่มกลับมาซื้อสุทธิอีกครั้งจะช่วยสนับสนุนการดีดกลับของ SET หรือไม่ ?
ในประเด็นนี้ “นายหมูบิน” มองว่าการกลับมาซื้อของต่างชาติน่าจะช่วยจำกัด Downside Risk ของ SET หรือทำให้ SET ไม่มีการลงแบบรุนแรงมากนักได้ แต่การสนับสนุนการดีดกลับคงเป็นไปได้ยาก เนื่องจากถ้าพิจารณาจากการซื้อในช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ออกมาในลักษณะของการตั้งรับแบบเลือกรายตัว หรือ Selective Buy ในหุ้นที่มี Downside Potential ต่ำๆมากกว่า (ไม่ไล่ซื้อ) ขณะที่ถ้าพิจารณาในส่วนของ Relative Strength จะพบว่าแนวโน้มในระยะ 1 เดือน SET ยังคง Underperform ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500) และอาเซียน (FTSE ASEAN40) อย่างต่อเนื่อง ทำให้การดีดตัวกลับของ SET มีแนวโน้มที่จะช้ากว่าตลาดหุ้นภูมิภาค และการเข้าซื้อหนักๆเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นในลักษณะ “Direction Trading” ในตลาดหุ้นไทยจะยังคงเป็นทางเลือกท้ายๆของต่างชาติในมุมมองของผมครับ โดยถ้าจะซื้อคงเน้นตั้งรับในช่วงที่ราคาหุ้นถอยตัวลงเช่นเดิม
ยังมองไม่เห็น Momentum การดีดกลับ ! : ถ้าพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่านอกจากการเคลื่อไหวในเชิงเปรียบเทียบของ SET ที่ดูแย่ หรือ Underperform กว่าทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500) และอาเซียน (FTSE ASEAN40) ในรายเดือน หรือ Monthly ที่ทำให้การดีดตัวขึ้นระยะสั้นของ SET ในเชิง Momentum ดูยากขึ้นแล้ว ถ้าพิจารณาจากองค์ประกอบที่กำหนดแนวโน้มของ SET ในระยะสั้นไม่เกิน 1 เดือน ก็จะพบว่าเกือบทั้งหมดสนับสนุนทิศทางการพักตัว หรือ Bearish ของ SET ทั้งสิ้น ทั้งในส่วนของ Moving Average (=Dead Cross ขั้นที่ 3), Trend Signal (Indicators ทุกตั้ว = Bearish) และ Momentum (Support on Bear และมี Momentum ที่แข็งแกร่ง หรือ Strength เสียด้วย)
ทั้งนี้จากองค์ประกอบทั้ง 3 ดังกล่าว ทำให้แม้ว่าในส่วนของ Fund Flows จะดูมีความหวังอยู่บ้าง โดยเฉพาะในส่วนของนักลงทุนต่างชาติที่ยังคงมีสัญญาณที่เป็นบวก หรือ Optimism อยู่ แต่การที่ค่าเงินบาทเริ่มมีแนวโน้มกลับมาอ่อนค่าอีกครั้ง และองค์ประกอบอื่นๆของ SET ของเชิง Tactical ที่ดูอ่อนแอ และยังไม่มีสัญญาณการกลับทิศในระยะสั้นที่ชัดเจน ตราบใดที่ยังคงไม่สามารถกลับไปปิดเหนือ 1,575 จุดได้ ทำให้การเข้าซื้อของนักลงทุนต่างชาติอาจยังไม่ใช่ปัจจัยที่หนุน SET ในดีดกลับที่จะเกิดขึ้นได้ในระยะสั้นๆ ในทางตรงกันข้ามการที่ผลตอบแทนรวมของตลาดหุ้นไทย (ตลาดหุ้น+ค่าเงิน) ตั้งแต่ปี 2559-ปัจจุบัน ที่ระดับ 23.4% (ตลาดหุ้น = 19.5% และค่าเงิน = 3.8%) สูงเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มตลาดหุ้น Top10 ของเอเชีย ส่งผลให้มีความเป็นไปได้ด้วยซ้ำว่ากรณีที่ตลาดหุ้นภูมิภาคมีปัจจัยเสี่ยงใหม่เข้ามา หรือเริ่มเสีย Momentum ตลาดหุ้นไทยที่ยังคงไม่มีปัจจัยสนับสนุน หรือ Catalyst ใหม่ โดยเฉพาะในประเด็นของการขยายตัวของกำไรสุทธิ หรือ Earnings Growth ปี 2560 ของ SET ที่บางมากเพียง 9.1% เทียบกับของ Asia ex Japan และ ASEAN ที่ 17.9% และ 20.1% ตามลำดับ อาจให้ตลาดหุ้นไทยเป็นเป้าหมายในการลดพอร์ตออกมาก่อนของนักลงทุนต่างชาติได้
ตลาดหุ้นไทยไร้จุดเด่นดึงเม็ดเงิน ! : ถ้าเรามองในมุมมองนักลงทุนต่างชาติที่จะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทย แน่นอนว่าประเด็นของระดับราคา, การปรับตัวขึ้นมาแล้วของตลาด และการขยายตัวของกำไรคงเป็น 3 ประเด็นหลักที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพิจารณาความน่าสนใจในการลงทุน ซึ่งเมื่อพิจารณากันที่ละประเด็นจะพบว่าในส่วนของระดับราคานั้น ถ้าพิจารณาเปรียบเทียบจากระดับ Forward P/E แล้ว SET ในปัจจุบันซื้อขายที่ระดับ 15.3 เท่า แม้ว่าจะต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของ ASEAN ที่ 16.8 เท่า แต่สูงกว่า หรือมี Premium เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของ Asia Ex Japan ที่ 13.2 เท่าถึง 16%
สรุปก็คือระดับราคาของ SET ในปัจจุบันค่อนข้างแพงแล้ว ในส่วนของการปรับตัวขึ้นมาของตลาดหุ้น ซึ่งจะสามารถเอามาพิจารณาโอกาสในการปรับตัวลง หรือ Downside Potential ได้ในระดับหนึ่ง ถ้าพิจารณาตั้งแต่ปี 2559-ปัจจุบัน จะพบว่า SET ปรับตัวขึ้นมาแล้วราว 19.5% สูงเป็นอันดับที่ 3 ในกลุ่มตลาดหุ้น Top10 ของเอเชีย สรุปก็คือเอาตามจริงระดับราคาของ SET ปัจจุบันมี Downside Potential สูงพอสมควร โดยเฉพาะกรณีที่ตลาดหุ้นภูมิภาคมีปัจจัยเสี่ยงใหม่เข้ามา หรือเริ่มเสีย Momentum สุดท้ายความน่าสนใจหรือไม่ของตลาดหุ้นไทย คงต้องมาจบที่ความสามารถในการทำกำไร ซึ่งต้องเรียนว่าประเด็นนี้เป็นจุดอ่อนที่สุดของ SET เนื่องจากมีการคาดการณ์ว่าการขยายตัวของกำไรในปี 2560 ของ SET จะออกมาบางมากๆที่ราว 9.1% YoY เท่านั้น ต่ำกว่ามากเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของ ASEAN ที่ 20.1% และค่าเฉลี่ยของ Asia Ex Japan ที่ 17.9% ดังนั้นเมื่อพิจารณาจากทั้ง 3 ประเด็นหลักข้างต้นแล้วคงพอจะตอบคำถามได้บ้างแล้วนะครับ ว่าทำไมตลาดหุ้นไทยยังคงมีผลงานที่แย่ หรือ Underperform ตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง และนักลงทุนต่างชาติยังคงไม่กลับมาไล่ซื้อตลาดหุ้นไทยอย่างจริงจังอีกครั้ง
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : กรณีที่ SET ยังคงกลับไปปิดเหนือกว่า 1,570 (+/-5) จุดไม่ได้ แนะนำ กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/moobin.stockmania และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club