
ก.ล.ต. ระบุ เห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีกองทุนตราสารหนี้ หรือเทอมฟันด์ มองว่าจะทำให้เกิดความเป็นธรรม และสนับสนุนให้ธุรกิจกองทุนรวมเติบโตในระยะยาว
จากกรณีที่ กระทรวงการคลัง เชิญสมาคมบริษัทจัดการลงทุน เพื่อปรึกษาเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีผลตอบแทนจากการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ที่มีเวลา หรือ เทอมฟันด์ ในอัตรา 15% เท่ากับ ภาษีเงินฝากประจำ และสมาคมให้การสนับสนุน เห็นด้วย และยินดีหากกระทรวงการคลังจะเก็บภาษีดังกล่าว ขณะที่ บริษัทจัดการลงทุน กองทุนต่างๆ ที่เป็นสมาชิด แสดงความคิดเห็นไม่เห็นด้วย เพราะเป็นการปิดกั้นจำกัดช่องทางทางเลือกในการออมเงิน และจะเกิดปัญหากับธุรกิจได้ และว่า บลจ.ใดที่ให้การสนับสนุนนั่นก็เพราะ บลจ.นั้นไม่มีความชำนาญในการจัดการกองทุนประเภทนี้ โดยสมาคมไม่ได้สอบถามความเห็นจากสมาชิกก่อนถึงผลดีผลเสียของการ เอาใจกระทรวงการคลังให้เก็บภาษีดังกล่าวได ตามที่ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ได้รายงานข่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว
ล่าสุด รายงานข่าวจากสำนักงาน ก.ล.ต. ระบุว่า ทาง ก.ล.ต.และทำแถลงให้ความเห็นต่อกรณี การเก็บภาษีจากผลตอบแทนในการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ โดย ก.ล.ต. ขอแจ้งว่า เรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องนโยบายการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐของกระทรวงการคลัง ซึ่งมีแนวคิดที่จะปรับปรุงเพื่อให้เกิดความเท่าเทียมกันในการจัดเก็บภาษีจากผลตอบแทนของการลงทุนในตราสารหนี้ ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในตราสารหนี้โดยตรง หรือลงทุนผ่านรูปแบบกองทุนรวมตราสารหนี้ เนื่องจากปัจจุบันผู้ลงทุนประเภทบุคคลธรรมดาที่ลงทุนในตราสารหนี้ผ่านช่องทางกองทุนรวมจะได้รับยกเว้นภาษีดังกล่าว ในขณะที่หากลงทุนโดยตรงจะถูกเก็บภาษีในอัตรา 15%
“ในเรื่องนี้ ก.ล.ต. เห็นว่า แนวคิดดังกล่าวจะช่วยลดความเหลื่อมล้ำ และทำให้เกิดความเป็นธรรมในระบบการจัดเก็บภาษีมากยิ่งขึ้น และจะทำให้ธุรกิจจัดการลงทุนเติบโตได้อย่างยั่งยืน โดยมิใช่เพียงการเติบโตโดยอาศัยประโยชน์ทางภาษีเป็นหลัก จึงน่าจะเป็นเรื่องที่ผู้ลงทุนในตลาดทุนน่าจะเข้าใจและยอมรับได้
ทั้งนี้ นโยบายดังกล่าวก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของกองทุนรวมในตราสารประเภทหุ้นแต่อย่างใด
อย่างไรก็ดี กระบวนการและขั้นตอนในการจัดเก็บภาษีนั้นจะต้องเป็นเรื่องที่มีการหารือกันในรายละเอียดระหว่างกระทรวงการคลัง ก.ล.ต. และภาคเอกชน เพื่อให้การจัดเก็บภาษีเป็นไปได้อย่างเรียบร้อย และเป็นธรรม”