โปรดรออีกนิด ! จากการที่ล่าสุด Directional Indicator กลับมามีสัญญาณ “Bullish” อีกครั้ง (DI+ > DI-) ส่งผลให้ Indicators ระยะสั้นทุกตัว กลับมามีสัญญาณ “Bullish” อีกครั้งเช่นกัน ดังนั้นจนถึงเวลานี้ชัดเจนแล้วนะครับว่าแนวโน้มการแกว่งตัวขึ้นในรายเดือน หรือ Monthly ของ SET รวมทั้งการเพิ่มน้ำหนักในหุ้นจาก 50% เป็น 75% รอการยืนยันเพียงแค่การกลับไปปิดเหนือ 1,575 จุดอีกครั้งเท่านั้น
ในมุมมองของ “นายหมูบิน” ไม่ว่า SET จะสามารถขึ้นไปปิดเหนือ 1,575 จุดได้หรือไม่ในสัปดาห์นี้ แต่สำหรับการลงทุนระยะสั้นไม่เกิน 1 สัปดาห์ หรือ Weekly สัญญาณ “เก็งกำไร” ยังคงมีอยู่ โดยมีบริเวณ 1,556 จุดเป็น จุดหมุน หรือ Cut Loss ขณะที่การลงทุนในระยะกลางในลักษณะ “ซื้อแล้วถือ” หรือ “Buy and Hold” มากกว่า 1 เดือน หรือ Monthly ยังคงต้องใจเย็นหน่อย
ทั้งนี้ การจะกลับมาเพิ่มน้ำหนักของหุ้นในพอร์ตจาก 50% ให้มาอยู่ที่ 75% อีกครั้ง “นายหมูบิน” ยังอยากให้รอ SET กลับขึ้นมาปิดเหนือ 1,575 จุดก่อน เพื่อยืนยันการกลับทิศในราย Monthly แม้ว่าในระยะสั้นสัญญาณต่างๆของ SET ในเชิง Tactical อาจทำให้นักลงทุนมั่นใจมากขึ้น โดยเฉพาะหลังจากที่ SET กลับมาอยู่ในสภาวะ Golden Cross ขั้นที่ 2 อีกครั้ง ขณะที่ Indicators ระยะสั้นเริ่มกลับมามีสัญญาณ “Bullish” และเงินทุนต่างชาติยังคงมีสัญญานบวก หรือ “Optimism” มาก บนค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มกลับมาแข็งค่าอีกครั้ง ทำให้แนวโน้มของ SET ดูดีขึ้นกว่าเดิมมาก แต่เนื่อง “นายหมูบิน” มองว่าการที่ SET ปรับตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะไม่มากวันละนิดวันหน่อยแต่ก็ทำให้มีความเป็นไปได้ที่การพักตัวในระยะสั้นๆจะเกิดขึ้นได้
ขณะที่ถ้าเราไปพิจารณากราฟเทคนิคในราย 15 นาทีจะเริ่มเห็นสัญญาณ “Negative Divergence” แล้ว ขณะเดียวกันถ้าพิจารณาในเชิงของ Relative Strength จะพบว่า SET ยังคง Underperform ทั้งในส่วนของตลาดหุ้นสหรัฐ (S&P500) และอาเซียน (FTSE ASEAN40) นอกจากนี้การที่ดัชนี SET50, SET100 และ SETHD กลับมามีทิศทางที่ Underperform เมื่อเทียบกับ SET ใหญ่ทั้งหมด สวนทางกับดัชนี SET ที่ขึ้นมา Outperform แทน สะท้อนให้เห็นว่าการดีดตัวขึ้นมาของ SET ในรอบนี้เกิดจากแรงขับเคลื่อนของหุ้นขนาดกลาง-เล็กเป็นหลัก ซึ่ง “นายหมูบิน” มองว่ามีความเสี่ยง
ดังนั้นเพื่อความแน่นอนสำหรับการลงทุนระยะมากกว่า 1 เดือนขึ้นไป หรือ Monthly “นายหมูบิน” ยังอยากให้รอ SET กลับมาปิดเหนือ 1,575 จุดให้ได้อย่างชัดเจนก่อน เพราะกรณีดังกล่าวจะส่งผลให้ SET กลับมาเกิดสัญญาณ Golden Cross ครบทั้ง 5 ขั้นอีกครั้ง (ตอนนี้เหลือขั้นที่ 3 ที่ยังไม่เกิด)
ตลาดหุ้นสหรัฐกลับมาอยู่ในความเสี่ยง ! : จากผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน หรือ กนง. ของไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ต้องเรียนว่าไม่มีอะไรใหม่ และไม่มีอะไรใหม่มาสักพักแล้ว เมื่อข้ามมาพิจารณาสถานะของงบดุล หรือ Balance และแนวโน้มการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสำคัญของโลกทั้งของสหรัฐ, ยุโรป และญี่ปุ่น ทำให้ “นายหมูบิน” เริ่มมองเห็นความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และจำเป็นเหลือเกินที่นักลงทุนต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
หลังจากที่ในปัจจุบันดูเหมือนว่าสภาพคล่องที่เคยมีอยู่มากมายกำลังค่อยๆถูกดึงกลับจากการลดขนาด Balance Sheet ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) หรือการที่ธนาคารกลางยุโรป (อีซีบี) จะลดขนาดการอัดฉีดลง จะมีก็แต่เพียงธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) ที่จะยังคงเดินหน้าอัดฉีดต่อไป โดยที่ทั้งหมดจะเป็นไปในทิศทางที่ได้ถูกกำหนดไว้แล้ว บนแนวโน้มที่ในระยะต่อไปการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลสำคัญๆของโลกคงจะเน้นไปที่การใช้นโยบายการคลัง หรือ Fiscal Policy มากขึ้น และลดบทบาทของนโยบายการเงิน หรือ Monetary Policy ที่ใช้กันจนเริ่มมีความเสี่ยงลง
ในภาพใหญ่แล้วทิศทางดังกล่าวจะส่งกระทบแน่นอนต่อทิศทางของตลาดหุ้นโลก และไทยไม่มากก็น้อย โดยที่ในส่วนของสหรัฐ หรือเฟดนั้นเป็นลบแน่ๆ เพราะชัดเจนแล้วว่าเฟดกำลังเดินหน้าเข้าสู่ “Exit Strategy” เต็มตัว หลังจากที่ก่อนหน้านี้ได้ยุติมาตรการ QE ไปในช่วง ต.ค.2557 และตามมาด้วยการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายใน ธ.ค.2558 จนมาถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดขนาดของ Balance Sheet ลงในปลายปีนี้ แม้ว่านักวิเคราะห์ส่วนใหญ่จะคาดการณ์ว่ากระบวนการของเฟดจะดำเนินไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพราะการลดขนาดของ Balance Sheet อาจจะนำไปสู่การปรับขึ้นดอกเบี้ยในตลาดการเงิน แต่ในมุมมองของ “นายหมูบิน” ไม่ว่าจะอย่างไรก็ยังคงกระทบต่อสภาพคล่องในตลาดสินทรัพย์เสี่ยง หรือ Risky Asset อยู่ดี
ขณะที่ในส่วนของยุโรป หรืออีซีบีแม้ว่าจะยังคงมีนโยบายที่จะขยาย Balance Sheet เพื่อแลกกับการกระตุ้นเศรษฐกิจของยูโรโซนต่อไป แต่มีความเป็นไปได้ค่อนข้างสูงกว่าอีซีบีจะลดวงเงินในการอัดฉีดลงราว 1 หมื่นล้านยูโร/เดือนตั้งแต่ ม.ค.2561 เป็นต้นไป จะมีก็แต่ญี่ปุ่น หรือบีโอเจที่ยังคงจะเดินหน้าอัดฉีดเม็ดเงินต่อไปแน่นอน อย่างน้อยๆก็จนกว่าจะหมดวาระของนาย Haruhiko Kuroda ผู้ว่าการบีโอเจคนปัจจุบัน แต่ประเด็นคือดูเหมือนว่าประสิทธิภาพของการอัดฉีดของบีโอเจ และการตอบสนองของตลาดหุ้นภูมิภาคจากนโยบายดังกล่าวจะลดลงไปกว่าช่วงแรกๆมากทีเดียว
ดังนั้นมีความเป็นไปได้ว่าการคงมาตรการอัดฉีดเม็ดเงินต่อไปของบีโอเจอาจไม่สามารถช่วงอะไรตลาดหุ้นภูมิภาคได้อีก
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : กรณีที่ SET ยังคงกลับไปปิดเหนือกว่า 1,575 (+/-5) จุดไม่ได้ แนะนำ กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นมาที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/moobin.stockmania และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club