
“ต่อให้เป็น Tier 3 ก็ไม่มีผลอะไรต่อไทย อย่าไปกลัว เพราะไม่ว่าจะ Tier 2 หรือ Tier 3 ไทยก็ต้องทำให้ถูกต้อง อย่างที่ท่านนายกรัฐมนตรีบอกว่าการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ก็เพื่อประเทศไทย...”
นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ รองประธานกรรมการสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เเละ นายกสมาคมเเช่เยือกเเข็งไทย กล่าวในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” จัดโดยกองบรรณาธิการ “ดอกเบี้ยธุรกิจ” ว่า ได้ไปยื่นหนังสือถึงสภานิติบัญญัติแห่งชาติ หรือ สนช. ไม่ได้เป็นการคัดค้านรัฐบาลถึงเรื่องการออกพ.ร.ก.แรงงานต่างชาติฉบับใหม่ แต่เป็นการให้การสนับสนุนเต็มที่ เพราะถ้าไม่มีพ.ร.ก.ในระยะยาวจะมีปัญหาตามมาอีกมากมาย เรื่องของแรงงานต่างชาติมีความลึกซึ้ง ทั้งเรื่องความมั่นคง, สาธารณสุข, สังคม ลูกที่ติดตามมา และรวมไปถึงอีกหลายเรื่องหลายอย่าง
“เพียงแต่การจัดระเบียบตรงนี้ด้วยการออกกฎหมายออกมาแล้วมีผลบังคับใช้ทันที โดยไม่มีการยืดหยุ่นเวลาก็อาจจะมีผลกระทบเนื่องเพราะกฎหมายมีบทลงโทษแรงมาก และมีผลกระทบต่อวิถีชีวิตพอสมควรโดยเฉพาะ SME รายย่อยทั้งหลาย เริ่มตั้งแต่งานบริการ การท่องเที่ยว ภาคเกษตรกรรม การก่อสร้าง ส่งผลกระทบหมด การยื่นหนังสือถึงสนช.ก็เพื่อให้รัฐบาลให้เวลาฟรีในช่วงเวลาหนึ่งเพื่อผ่อนปรนจัดการให้เรียบร้อย ขณะเดียวกันก็อยากจะให้เปิดช่องทางการลงทะเบียนให้ด้วยเพราะตอนนี้ปิดกั้นเรื่องการลงทะเบียน” นายพจน์กล่าวและยอมรับว่าแรงงานที่ใช้กับแรงงานกลุ่มบริการทั้งหลายยังเป็นแรงงานที่ผิดกฎหมายถ้าไม่เปิดช่องทางการลงทะเบียนให้ทำจะมีปัญหาตามมาอีก ภาครัฐจะเปิดช่องทางการลงทะเบียนแบบพิเศษหรือมีหน่วยงานเฉพาะตรงนี้เปิดโอกาสให้นายจ้างตัวจริงเข้ามาพิสูจน์ได้ก็ขึ้นอยู่กับภาครัฐว่าจะใช้วิธีใด อีกกฎหมายลูกของ พ.ร.ก.ก็อยากจะให้ตัวแทนต่างๆ ได้เข้าไปแสดงความคิดเห็นบ้าง เพราะว่างานแบบนี้คนเขียนไม่ได้ใช้หรือคนใช้ไม่ได้เขียน และกฎหมายบางข้อที่เกี่ยวข้องกับการชดเชยทั้งหลายก็อยากจะให้เหมาะสมเท่านั้นเอง รวมถึงการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ต้องทางด้านลึกและด้านกว้างมากเพราะงานนี้ลงไปถึงแรงงานด้านล่างมาก
“โทษปรับรุงแรงและสูงมาก พอกฎหมายใช้ทันทีก็เปิดช่องว่าง อาจเกิดกระบวนการคนที่ไม่สุจริตเอามาใช้ประโยชน์ เห็นได้ว่านับตั้งแต่ประกาศมาก็วุ่นวายไปหมด อีกทั้งภาครัฐก็ไม่ได้มาปรึกษาเพราะเรื่องนี้มีการร่างพ.ร.ก.กันแบบเร็ว พอรู้ข่าวก็ร่วม 1-2 เดือน และมีความคิดเห็นของกกร.เสนอไปหมดแล้ว แม้กระทั่งไปพบกับคณะกรรมการกฤษฎีกาก็ไปมาแล้ว มีการชี้แจงไปแต่ก็ยังออกมาในรูปแบบนี้อยู่ คงมีเป้าอยากจะจัดระเบียบเร็วเพื่อที่จะแก้เรื่องการค้ามนุษย์ด้วย แต่ปัญหา คือ ต้องมองให้ทั่วก่อนว่ามีผลกระทบวงกว้าง ตอนนี้ทางนายกรัฐมนตรีก็ทราบเรื่องแล้ว คิดว่าเรื่องนี้น่าจะมีเรื่องคลี่คลายบ้าง”
กรณีที่รัฐบาลใช้ ม.44 ผ่อนปรนการบังคับใช้บางมาตราออกไปอีก 6 เดือนนั้น นายพจน์กล่าวว่าเป็นเรื่องดี เพราะคนที่ลงทะเบียนแล้วอาจจะติดขัดเรื่องการย้ายนายจ้าง , การเปลี่ยนนายจ้าง หรือ บัตรชมพูหมดอายุ ก็ยังพอช่วยได้หลายอย่าง รวมถึงยังมีขั้นตอนหลายอย่างที่พยายามออกมาจะช่วยคลี่คลายปัญหา แต่ว่าเป็นการคลี่คลายเฉพาะคนที่ขึ้นทะเบียนแล้วยังไม่ตอบโจทย์สำหรับแรงงานต่างชาติที่ยังไม่ได้ไปขึ้นทะเบียน โดยทาง กกร.ได้เสนอมาว่าให้เปิดช่วงเวลานี้หรือช่องทางพิเศษตามเงื่อนไขของกระทรวงแรงงาน ข้อสำคัญ คือ กลัวแรงงานต่างชาติไหลเข้ามาอีก เพราะฉะนั้นจึงต้องหาเงื่อนไขมาช่วยเฉพาะแรงงานที่เหลืออยู่อย่างเดียวเท่านั้น ส่วนระยะเวลาที่ผ่อนปรนจะพอหรือไม่พอต้องดูจำนวนทั้งหมดว่ามีมากขนาดไหน ต้องขอดูความเป็นจริงหรือขอลงมือทำก่อน
“จะเป็นภาระของนายจ้างหรือไม่ก็ต้องเข้าใจว่าวันนี้ต้องไปทำให้ถูกกฎหมายหมด เพราะฉะนั้นถ้ารัฐบาลเปิดโอกาสให้ก็มีความจำเป็นที่นายจ้างทุกคนต้องทำ เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยว แม่บ้าน จะยืดหยุ่นไม่ได้แล้ว เพราะถ้ารัฐบาลเปิดช่องให้แล้วแต่ไม่ทำก็ช่วยไม่ได้แล้ว ปัญหาเรื่องแรงงานต่างชาติถูกลอยแพเกิดจากต่างคนต่างไม่กล้าเลยกลัวกันไปหมด แต่พอมีข่าวนี้ออกไปน่าจะชะลอหมด คงจะหยุดอาการตกใจ อย่างพวกอุตสาหกรรมขนาดกลางและใหญ่ที่ต้องใช้แรงงานเยอะได้ขึ้นทะเบียนมาหมดแล้วในช่วงที่ผ่านมา แต่ปัญหาที่สมาชิกทั่วประเทศมีการเรียกร้องเพราะเป็นปัญหาของสังคมทำให้เราก็ต้องช่วย”
ส่วนในเรื่อง TIP Report ฉบับล่าสุดที่ทางการสหรัฐอเมริกาจัดให้ไทยอยู่ในบัญชี Tier 2 เหมือนเดิมอีกปี คือเป็นชาติที่ต้องเฝ้าระวังในเรื่องปัญหาการค้ามนุษย์นั้น นายพจน์กล่าวว่าไม่มีผลต่อเมืองไทยและสินค้าไทย “หรือต่อให้เป็น Tier 3 ก็ไม่มีผล แม้ในเรื่อง IUU ของสหภาพยุโรปที่กำลังจะมาตรวจเมืองไทยเร็วๆ นี้ ก็มีการตรวจตลอดเวลาอยู่แล้ว ไทยก็ทำไปเยอะมาก เชื่อว่า IUU คงเห็น กระทรวงเกษตรฯทุ่มเททำงานเต็มที่ เรื่องประมงคงมีแต่จะดีขึ้น”