ยังดูไม่ดี ! ถ้าพิจารณาจากการเคลื่อนไหวในสัปดาห์ที่ผ่านมาจะพบว่าทิศทางของ SET ระยะสั้นในเชิง Tactical นั้นอ่อนแอมากๆ และสะท้อนแนวโน้มของตลาดที่ “Sideway ออกด้านข้าง” ชัดเจน โดยที่ล่าสุดเครื่องมือทั้งในส่วนของ Moving Average, Trend Signal, Momentum, Fund Flows และ Relative Strength ระบุทิศทางที่เป็นลบ หรือ Negative ของ SET ในระยะไม่เกิน 1 เดือนทั้งหมด โดยมีเพียงปัจจัยในเชิง Allocation & Valuation เท่านั้นที่ยังคงเป็นบวกกับสินทรัพย์เสี่ยงอย่างตลาดหุ้นโลก และภูมิภาค จากการที่ล่าสุดดัชนี VIX Index ของสหรัฐ และ HSI VIX ของฮ่องกงปรับตัวลงมาอยู่ในระดับใกล้เคียงกับระดับต่ำที่สุดในประวัติการณ์อีกครั้ง อย่างไรก็ดีปัจจัยดังกล่าวอาจจะไม่ได้เป็นประโยชน์กับตลาดหุ้นไทยมากนัก และคงไม่สามารถหักล้างกับปัจจัยลบข้างต้นได้ โดยเฉพาะในเชิงสถิติพบว่าความสัมพันธ์ระหว่างดัชนี VIX Index ของสหรัฐ และ HSI VIX ของฮ่องกงมีระดับที่ต่ำมาก โดยเฉพาะเมื่อที่กับปัจจัยในเชิง Fund Flows และ Relative Strength โดยที่ในเชิงของ Fund Flows ชัดเจนว่าทิศทางของทั้งในส่วนของต่างชาติ และกองทุนในประเทศกลับมาเป็นลบ หรือ Pessimism แล้วทั้งคู่ ซึ่งน่ากังวลมากๆ โดยเฉพาะในส่วนของมุมมองจากนักลงทุนต่างชาตินั้นชัดเจนมากๆ สะท้อนออกมาจากการที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาแม้ว่าจะยังคงมีเงินทุนไหลเข้าตลาดหุ้นเกิดใหม่ หรือ EM อีกราว 2.3 พันล้านดอลลาร์ แต่ตลาดหุ้นไทยกลับมีเงินทุนไหลออกสวนทางออกมาราว 4.7 ล้านดอลลาร์
ขณะที่ในส่วนของ Relative Strength ชัดเจนว่าตลาดหุ้นไทยในระยะไม่เกิน 1 เดือนยังคงมีสถานะ Underperform ทั้งตลาดหุ้นสหรัฐ และ ASEAN อย่างไรก็ดีปัจจัยบวกเล็กๆคงอยู่ที่สถานะของหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่ม SET50 และ SET100 ที่กลับมา Outperform หรือนำตลาดอีกครั้ง น่าจะช่วยจำกัด Downside Risk ในระยะสั้นได้บางส่วน ดังนั้นในเชิง Tactical ตราบใดที่ SET ยังคงไม่ปรับตัวลงต่ำกว่า 1,565 จุดอีกครั้ง คงต้องตั้งสมมติฐานไว้ก่อนว่า SET ในระยะสั้นรายเดือน หรือ Monthly ยังคงอยู่ในทิศทางของการแกว่งตัวในกรอบ 1,565-1,610 จุด โดยที่นักลงทุนระยะกลาง (3-6 เดือน) สามารถที่จะเลือกปรับพอร์ตการลงทุนในหุ้นเป็น 75% ตาม Tactical หรือคงไว้ที่ 50% เหมือนเดิมก็ได้ ส่วนนักลงทุนระยะสั้นเน้น “ดีดขึ้นขายตามแนวต้าน” โดยมี 1,565 จุดเป็นจุดหมุน และ Cut Loss ที่ต้องมีวินัยอย่างสูงไปก่อนดีกว่า
เริ่มตอบสนองปัจจัยลบใหม่มากขึ้น : แน่นอนว่าแม้สัญญาณการพักตัวในระยะกลางเกินกว่า 1-2 สัปดาห์จะยังคงไม่เกิดขึ้น พูดง่ายๆคือถ้า SET ยังคงไม่หมุนตัวลงไปปิดต่ำกว่า 1,565 จุดอีกครั้ง สำหรับนักลงทุนระยะกลางยังคงไม่ต้องมานั่งกังวลกับการลดพอร์ตอะไร แต่สำหรับนักลงทุนระยะสั้นที่ Trading รายสัปดาห์ต้องบอกว่าสถานการณ์ของ SET ในปัจจุบันดูเหมือนว่าจะ “ได้ไม่คุ้มเสีย” เพราะจังหวะการดีดตัวขึ้นยังคงไม่มีน้ำหนักพอ โดยเฉพาะในเชิงของ Momentum ถ้าพิจารณาจาก Bollinger Band Spread ที่แคบลงมาต่ำกว่า EMA 25 วัน และ ADX ที่สนับสนุนทิศทางของการพักตัวในระยะสั้นชัดเจน ทำให้เราเห็นภาพของ SET ที่ขาดกำลังในการไปต่ออย่างชัดเจน ขณะที่ถ้าพิจารณาผลตอบแทนของ SET ในช่วง 1 สัปดาห์, 1 เดือน, 3 เดือน และ 6 เดือนที่ผ่านมาที่ +0.16%, -0.37%, +0.58% และ -0.91% ตามลำดับ
สรุปได้เลยว่าตลาดหุ้นไทยแทบไม่ไปไหนเลยมา 6 เดือนแล้ว ดังนั้นนักลงทุนคงต้องตั้งคำถามแล้วละครับว่าตลาดหุ้นไทยตอนนี้กังวลกับอะไรอยู่ทำไม่ถึงเป็นแบบนี้ โดยส่วนตัว “นายหมูบิน” มองว่าเป็นเพราะนักลงทุนโดยเฉพาะต่างชาติมองว่าตลาดหุ้นไทยที่ปีที่แล้วให้ผลตอบแทนราว 20% สูงเป็นอันดับต้นๆของโลก มีความเสี่ยงมากที่สุดเป็นอันดับต้นๆในสถานการณ์ปัจจุบันที่ตลาดหุ้นโลกกำลังเข้าสู่ช่วงเวลาที่อ่อนไหวอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นอ่อนไหว และอาจจะเป็นปัจจัยที่เข้ามากดดันตลาดได้ตลอดเวลา ก็คือการเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสำคัญของโลกที่กำลังทยอยการเข้าสู่โหมดของการ “ถอนตัวออกจากอัดฉีดเม็ดเงิน” เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หรือ “Normalization” โดยที่ใกล้ที่สุดคือธนาคารกลางสหรัฐ หรือเฟดที่มีการคาดการณ์ของตลาดไปแล้วว่าเฟดน่าจะส่งสัญญาณการขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งในเดือน ธ.ค.2560 และน่าจะขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า หรือ 2561 อีก 4 ครั้งจาก 3 ครั้งในปีนี้ รวมทั้งจะมีการเริ่มลดขนาดงบดุล หรือ Balance Sheet ในเดือน ก.ย.2560 นี้เลย
นอกจากนี้ ประเด็นที่ตลาดน่าจะยังคงรับรู้น้อย และยังไม่ตอบสนองเลย รวมทั้งถือว่าเป็นความเสี่ยงที่เข้ามาใหม่ คือแนวโน้มที่ธนาคารกลางยุโรปจะลดขนาดมาตรการ QE ลงในเดือน ก.ย.2560 และเริ่มขึ้นดอกเบี้ยใน ก.ย. 2561 หรือปีหน้า สะท้อนให้เห็นชัดเจนถึงทิศทางของทั้งเฟด และ ECB ว่ากำลังเดินหน้าที่จะเข้าสู่ “Exit Strategy” หรือดึงเงินจากตลาดการเงินที่กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่างๆกลับคืนแล้ว
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณีที่ SET ยังคงปิดเหนือกว่า 1,565 (+/-5) จุดได้ แนะนำ “อ่อนตัวซื้อเก็งกำไร” ในหุ้น PTTGC, KBANK, SCB, STEC, CK, SCC, LH, SIRI, INTUCH และ ADVANC ขณะที่กรณีตรงข้ามที่ SET กลับมาปิดต่ำกว่า 1,565 (+/-5) จุดอีกครั้ง แนะนำ กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการวิทยุ ”เซียนเศรษฐกิจ” FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club