top of page
379208.jpg

CHO ตั้งระบบ E-Ticket ...ทยอยรับรู้รายได้ยาว 5 ปี


บิ๊กบอส ช ทวี หรือ CHO ชี้แนวโน้มผลงานครึ่งหลังของปี 60 โตต่อเนื่อง หลังตุนงานในมือกว่า 2,676 ล้านบาท ขณะที่เร่งติดตั้งระบบสแกนบัตรโดยสารบนรถเมล์ ขสมก. หรือ E-ticketครบ 800 คันภายในวันที่ 1 ตุลาคมนี้เพื่อรองรับ บัตรผู้มีรายได้น้อยที่รัฐบาลออกให้ ก่อนขยับเพิ่มเป็น 2,600 คัน ภายในเดือนมิถุนายน 2561 ทำให้สามารถทยอยรับรู้รายได้ภายใน 5 ปี (2561-2565) ปีละ 330 ล้านบาท

นายสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ช ทวี (CHO) ประกอบธุรกิจเป็นผู้ออกแบบ สร้างสรรค์ ผลิตตัวถังและติดตั้งระบบวิศวกรรมที่เกี่ยวกับยานยนต์เพื่อการพาณิชย์ รวมทั้งเป็นผู้ผสานเทคโนโลยีเกี่ยวกับระบบราง และโลจิสติกส์เข้ากับการจัดการอย่างมืออาชีพ เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปี 2560 คาดว่าจะสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดมีปริมาณงานในมือ (Backlog) อยู่ประมาณ 2,676 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 3/2560 เป็นต้นไป ทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง

ส่วนความคืบหน้าโครงการให้เช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) จํานวน 2,600 คัน ระยะสัมปทานรวม 5 ปี กับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) บริษัท จะเริ่มรับรู้เป็นรายได้เฉลี่ยต่อปีตั้งแต่ปี 2561–2565 ประมาณ 330 ล้านบาทต่อปี ทั้งนี้ ในระยะแรกจะดำเนินการติดตั้งระบบดังกล่าวบนรถประจำทาง ขสมก. ทั้งรถร้อนและรถปรับอากาศ เพื่อรองรับการใช้บัตรผู้มีรายได้น้อยที่รัฐบาลจะเริ่มต้นโครงการในวันที่ 1 ตุลาคมนี้

“ตาม TOR ของโครงการให้เช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) จํานวน 2,600 คัน บริษัทฯ ต้องดำเนินการติดตั้งระบบที่ใช้สแกนบัตรโดยสารและกล่องเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติและส่งมอบงานล็อตแรกจำนวน 100 คัน ภายใน 15 ตุลาคม 2560 และส่งมอบงานล็อตที่สองจำนวน 700 คัน ภายใน 15 ธันวาคม 2560 และล็อตที่ 3 จำนวน 1,800 คัน ภายใน 10 มิถุนายน 2561

อย่างไรก็ตาม บริษัทได้เริ่มทยอยติดตั้งระบบที่ใช้สแกนบัตรโดยสารก่อน ให้ครบ 800 คัน ภายในวันที่ 1 ตุลาคม 2560 เพื่อรองรับการใช้บัตรผู้มีรายได้น้อย สนองต่อนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการเพิ่มสวัสดิการในเรื่องของการลดภาระค่าใช้จ่ายให้ประชาชน”นายสุรเดช กล่าว

สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2560 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นขยายตลาดทั้งในและต่างประเทศ ไปพร้อมกับการขยายศูนย์บริการซ่อมรถบรรทุก “สิบล้อ 24 ชั่วโมง” ให้ครบ 8 แห่ง ภายใน 3 ปี (พ.ศ. 2561-2563) เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของบริษัท รวมไปถึงการบริหารจัดการต้นทุนต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น”

ส่วน “ศูนย์สิบล้อ 24 ชั่วโมง” แห่งแรกที่จังหวัดชลบุรี ได้เปิดให้บริการแบบเต็มรูปแบบแล้วโดยให้บริการซ่อมบำรุงรถบรรทุกทั้ง เครื่องยนต์ ตัวถัง หางพ่วง ระบบช่วงล่าง ระบบไฟฟ้า และจำหน่ายอะไหล่ต่างๆ คาดว่าจะสามารถสร้างรายได้ในปีนี้ประมาณ 20 ล้านบาท และตั้งเป้าหมายเติบโตในปี 2561 ประมาณ 60 ล้านบาท และจะเพิ่มเป็นประมาณ 70 – 100 ล้านบาทภายในปี 2562

ขณะที่ ผลประกอบการในไตรมาส 2/2560 ที่ผ่านมาของบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้รวม 354.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 116.22 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 48.68% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 17.31 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16.94 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 4,685.25% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมียอดขายเพิ่มขึ้นในส่วนของงานผลิตและรายได้จากงานบริการที่มีสัดส่วนกำไรสูงกว่างานผลิต ประกอบกับค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน

8 views
bottom of page