บวกระยะสั้นๆ ! แน่นอนว่าในระยะสั้นตลาดหุ้นโลก และภูมิภาคยังคงให้น้ำหนักกับปัจจัยบวกบนความหวังกับการฟื้นตัวขึ้นของเศรษฐกิจโลก สะท้อนออกมาจากการที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ผลสำรวจความเชื่อมั่นของนักลงทุนในสหรัฐจาก AAII ระบุว่าแม้สัดส่วนนักลงทุนที่ยังคงมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐยังเป็นขาขึ้น (Bullish) ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าจะลดลง 1.2% แต่ยังคงทรงตัวในระดับสูงที่ 40.1% ขณะที่สัดส่วนนักลงทุนที่ยังคงมองว่าตลาดหุ้นสหรัฐกำลังกลับสู่ขาลง (Bearish) ในระยะ 6 เดือนข้างหน้าที่แม้จะปรับขึ้น 5.2% แต่ยังคงอยู่ในระดับ 27.2% เท่านั้น
ทั้งนี้ “นายหมูบิน” มองว่าเอาแค่สั้นๆ ตลาดหุ้นภูมิภาค และไทยน่าจะยังคงได้รับปัจจัยหนุนจากมุมมองด้านบวกเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจต่อไป หลังจากที่ล่าสุดธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) ออกมาประเมินว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชียจะขยายตัวได้ราว 5.9% ในปีนี้ และ 5.8% ในปีหน้า รวมทั้งระบุว่าเศรษฐกิจของกลุ่มประเทศกำลังพัฒนาในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งในนั้นมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างรวดเร็วขึ้นในปีนี้ และปีหน้า โดยได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของการค้าทั่วโลกและการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน โดยที่ ADB คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 6.7% ในปีนี้ และ 6.4% ในปีหน้า
ส่วนเศรษฐกิจในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ ASEAN คาดว่าจะขยายตัว 5.0% ในปีนี้ และ 5.1% ในปีหน้า ซึ่งเพิ่มขึ้น หรือมี Positive Revision จากที่คาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ค.2560 ว่าจะขยายตัว 4.8% ในปีนี้ และ 5.0% ในปีหน้า
นอกจากนี้การที่ล่าสุดทำเนียบขาวออกมาระบุชัดเจนว่าสหรัฐจะไม่ประกาศสงครามต่อเกาหลีเหนือแน่นอน โดยระบุว่าสหรัฐยังคงเดินหน้าสู่การปลดอาวุธนิวเคลียร์อย่างสันติบนคาบสมุทรเกาหลี ทำให้ความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์การเมืองโลกลดระดับลงในระยะสั้น ในส่วนของทิศทางของ SET “นายหมูบิน” มองว่าการดีดตัวของ SET ขึ้นมาจากบริเวณเส้นค่าเฉลี่ย EMA 140 วันแถวๆ 1,660 จุด (+/-) ในสัปดาห์ที่ผ่านมา พร้อมกับการที่ RSI ลงมาทดสอบเส้นค่าเฉลี่ยระยะสั้นของตัวเอง และดีดกลับเช่นกัน ทำให้เกิด "Buy Signal" อีกครั้ง
ดังนั้นถ้าระหว่างสัปดาห์ไม่ถอยลงมาปิดต่ำกว่า 1,660 จุดอีก แนวโน้มในราย Monthly คือเหวี่ยงขึ้นไปที่ 1,680-1,710 จุด แต่ถ้าถอยลงมาปิดต่ำกว่า 1,660 จุด จะเป็นสันญาณของการกลับไปตั้งหลักใหม่แถวๆเส้นค่าเฉลี่ย EMA 25 วันบริเวณ 1,640 จุดอีกครั้งเช่นกัน
ยุคใหม่สหรัฐกับ QT : อย่างไรก็ตาม “นายหมูบิน” ยังไม่ได้มองเป้าหมายของ SET ในช่วงที่เหลือของปี 2560 นี้ไว้เกินกว่า 1,710 จุด และมองว่าการปรับตัวขึ้นในช่วงที่เหลือของปีเป็นโอกาสในการขายด้วยซ้ำ เพราะในสถานการณ์ที่มีแต่มุมมองที่เป็นบวกในขณะนี้มีความเสี่ยงที่สำคัญซ่อนอยู่ด้วย ซึ่งหนึ่งในประเด็นสำคัญที่ “นายหมูบิน” เห็นด้วยกับ ADB คือ ความเสี่ยงที่เศรษฐกิจเอเชียอาจจะเผชิญกับสถานการณ์การไหลออกของเม็ดเงินทุน และต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้น หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เริ่มชะลอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่เคยใช้มาเป็นเวลานานนับ 10 ปี และการเดินหน้านโยบายคุมเข้มทางการเงิน บนสถานการณ์ที่ค่าเงินในภูมิภาคมีโอกาสอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐในอนาคต หลัง ADB คาดว่าอัตราเงินเฟ้อในภูมิภาคเอเชียจะปรับตัวลดลงสู่ระดับ 2.4% ในปีนี้ และ 2.9% ในปีหน้า เมื่อเทียบกับที่เคยคาดการณ์ไว้ในเดือน ก.ค.2560 ว่า อัตราเงินเฟ้อจะอยู่ที่ระดับ 2.6% ในปีนี้ และ 3.0% ในปีหน้า สะท้อนให้เห็นโอกาสที่ดอกเบี้ยในภูมิภาคจะปรับตัวขึ้นมีน้อยมาก เทียบกับสหรัฐที่ทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นมีความชัดเจนมาก โดยเฉพาะหลังจากที่ล่าสุดในการประชุมวันที่ 21 ก.ย.2560 ที่ผ่านมา
แม้ว่าคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะมีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 1.00-1.25% แต่ก็ส่งสัญญาณชัดเจนถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกหนึ่งครั้งในปีนี้ และประกาศว่าจะเริ่มปรับลดงบดุลที่ประกอบด้วยพันธบัตรรัฐบาล, ตราสารหนี้ของหน่วยงานของรัฐ และหลักทรัพย์ที่มีสัญญาจำนองค้ำประกัน หรือ MBS ในเดือน ต.ค.2560 เป็นต้นไป จากปัจจุบันที่ระดับ 4.5 ล้านล้านดอลลาร์ โดยที่เฟดจะปล่อยให้ตราสารกลุ่มดังกล่าวครบกำหนดอายุโดยไม่มีการนำเม็ดเงินไปลงทุนใหม่
ทั้งนี้ในเบื้องต้นเฟดจะจำกัดเพดานการลดวงเงินการถือครองตราสารเหล่านี้ที่ระดับ 1 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือน ก่อนที่จะขยายเพดานการลดการถือครองตราสารอีก 1 หมื่นล้านดอลลาร์ในทุกๆ ไตรมาส จนกระทั่งแตะระดับ 5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อเดือนในเดือน ต.ค.2561 ซึ่งท่าทีของเฟดในครั้งนี้ถือว่าเป็นการปิดฉากมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (Quantitative Easing หรือ QE) เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคมาตรการเข้มงวดทางการเงินเชิงปริมาณ (Quantitative Tightening หรือ QT) อย่างเต็มตัว
นอกจากนี้ความเสี่ยงจากสหรัฐที่นักลงทุนในตลาดยังคงพูดถึงกันน้อยมาก คือโอกาสที่การผลักดันร่างกฎหมายประกันสุขภาพฉบับใหม่ของพรรครีพับลิกันในวุฒิสภาอาจประสบความล้มเหลวอีกครั้ง เป็นประเด็นที่ต้องติดตามใกล้ชิดด้วย
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) กรณีที่ SET ยังคงปิดเหนือกว่า 1,660 (+/-5) จุดได้ แนะนำใช้เป็นโอกาส “ดีดขึ้นขาย” ในลักษณะ “Short Against” กลับมา “ถือเงินสด” หรือ “Wait and See” เพื่อรอซื้อกลับในหุ้น PTTGC, KBANK, SCB, STEC, CK, SCC, LH, SIRI, INTUCH และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club