top of page
379208.jpg

หุ้นน่าลุ้น

ธนาคารกรุงเทพ (BBL)

แม้ว่าปี 2560 ที่ผ่านมา ธุรกิจธนาคารพาณิชย์จะมีความวิตกกังวลมากในเรื่อง NPL เพราะคิดว่าจะมีผลให้ธนาคารมีกำไรลดน้อยลงจากการต้องตั้งสำรองหนี้เสียจำนวนมาก แต่ก็พบว่ามีหลายธนาคารที่มีผลประกอบการดีขึ้น แม้จะมีการตั้งสำรองหนี้เสียมากก็ตาม ดังนั้น ควรกลับมาพิจารณาผลประกอบการรายธนาคารจะดีกว่าการคิดจากภาพรวมของกลุ่ม อย่างธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL พบว่าผลประกอบการในปี 2560 ที่ผ่านมาทำกำไรรวมได้ 33,009 ล้านบาท ก็เป็นไปตามที่เคยประเมินไว้ คือธนาคารจะมีกำไรเพิ่มจากปี 2559 3.64% อาจดูไม่มาก แต่ก็ดีกว่าที่มีการวิจารณ์ในทางลบมาก คิดแล้วจะมีกำไรต่อหุ้นที่ 17.29 บาท การมองธนาคารนี้ควรมองมาถึงปี 2561 นี้มากกว่า เพราะดูจากสภาพแวดล้อมที่เอื้อมากขึ้น เชื่อว่าธนาคารจะมีผลกำไรที่ดีกว่าปีก่อน โดยเฉพาะเมื่อคิดว่าปีนี้จะมีปัญหาในเรื่อง NPL น้อยกว่าปีก่อน หมายถึง NPL มีเพิ่มน้อย ก็จะไม่มีผลกดผลกำไรของธนาคารได้เลย ธนาคารก็จะมีผลกำไรในระดับปกติ ซึ่งที่ผ่านมาในปี 2557 จะพบว่าธนาคารมีกำไรถึงระดับ 36,332 ล้านบาทได้ จึงคาดว่าหากปีนี้มีกำไรเพิ่มจากปีก่อน 10% ก็จะมีกำไรในระดับ 3.6 หมื่นล้านบาทได้ กำไรต่อหุ้นก็จะเพิ่มมาอยู่ที่ 19 บาท ดังนั้น เมื่อมาประเมินราคาหุ้นด้วยพีอีแค่ 12 เท่า ก็จะได้ราคาที่ 228 บาท แต่ราคาในตลาดปัจจุบันอยู่ที่ 212 บาท จึงยังมี upside ได้อีก 7.55% โดยยังจะได้เงินปันผลอีกประมาณ 3.4% ด้วย ก็ยังลงทุนได้คุ้มค่า

แสนสิริ (SIRI)

ในปี 2560 ที่ผ่านมา ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มีการชะลอตัวในการดำเนินโครงการใหม่ๆ เมื่อครึ่งปีแรกไปมาก ทำให้มีผลประกอบการออกมาไม่สู้ดี เหตุผลก็เกิดจากรัฐล่าช้าในการลงทุนโครงการระบบราง ทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ส่วนมากจะเน้นทำโครงการตามเส้นทางรถไฟฟ้าที่จะเกิดขึ้น ทำให้ผลออกมาจึงผิดการคาดหมายไปมาก แค่เมื่อมองธุรกิจในปลายปี 2560 ทุกอย่างดูดีขึ้นมาก หลังจากภาครัฐออกมาเร่งลงทุนในโครงการระบบรางอย่างจริงจัง จึงทำให้ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์พลอยออกมาเร่งระดมทำโครงการเพิ่มตามมาด้วย อย่างไรก็ตาม กว่าจะเห็นภาพแต่ละโครงการได้เป็นรูปธรรม ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ดังนั้น จึงไม่สามารถคาดหวังผลรายได้ที่ดีในปี 2560 ได้ แต่กลับจะเห็นผลได้ชัดเจนในต้นปี 2561 นี้ ดังนั้น เมื่อมาดูที่ SIRI จึงพบว่า ในปี 2560 9 เดือนแรกยังทำกำไรได้แค่ 2,045 ล้านบาท จึงอาจไม่สามารถคาดหวังว่าปี 2560 SIRI จะมีกำไรในระดับ 3 พันล้านบาทได้ แต่มาปี 2561 นี้ พบว่ามีการรุกทำโครงการและการลงทุนอย่างมาก มีการตั้งบริษัทใหม่เพื่อต่อยอดธุรกิจของ SIRI จึงคาดว่าปี 2561 นี้ SIRI จะกลับไปทำกำไรในระดับ 3.3 พันล้านบาทได้ กำไรต่อหุ้นจะเป็น 0.24 บาท เพียงใช้พีอี 10 เท่า ประเมินราคาหุ้น ยังได้ราคาที่ 2.40 บาท แต่ราคาในตลาดอยู่แค่ 2.22 บาท จึงยังมี upside ได้อีกอย่างน้อย 8% และยังจะได้เงินปันผลในระดับ 5.4% ด้วย น่าลงทุน

สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง (SPRC)

หุ้น SPRC อาจไม่ได้รับความสนใจมากเหมือนหุ้นในกลุ่มเดียวกัน แต่มีขนาดใหญ่ เพราะนักลงทุนส่วนมากยังให้ความสำคัญกับขนาดของธุรกิจ แต่เมื่อมาดู SPRC ก็พบว่ามีขนาดของทุนไม่เล็ก แต่ราคายังต่ำ จึงดูเป็นหุ้นขนาดเล็ก คงเป็นเพราะยังมีกำไรต่อหุ้นไม่มากเหมือนกับหุ้นขนาดใหญ่ หากพิจารณาในเรื่องราคาต่ำก็ควรไปพิจารณาต่อว่าแล้วกำไรต่อหุ้นของธุรกิจเป็นอย่างไร จึงจะตอบได้ว่าราคาหุ้นระดับต่ำอย่างนี้เหมาะสมหรือไม่ อย่างน้อยอยู่ในธุรกิจพลังงานด้วยกัน ก็ได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ขยับสูงในปัจจุบันมาก เมื่อมาดูผลประกอบการในปี 2560 พบว่า 9 เดือนแรก ทำกำไรได้ 6,322.20 ล้านบาท โดยไตรมาส 3 มีกำไรกลับสู่ภาวะปกติที่ 2,819.17 ล้านบาท จากไตรมาส 2 ที่กำไรหดลงมากได้แค่ 593.78 ล้านบาท จึงเป็นกรณีเฉพาะกาล คาดว่าตลอดปี 2560 คงจะทำกำไรได้ที่ 8,700 ล้านบาท กำไรต่อหุ้นจะได้ที่ 2.01 บาท เพียงประเมินราคาด้วยค่าพีอี 10 เท่า ยังได้ราคาที่ 20.10 บาท แต่ราคาในตลาดอยู่แค่ 16.70 บาท จึงมี upside อีกมากถึง 20.36% และหากจ่ายเงินปันผลตามนโยบายที่ 50% ของกำไรจะได้เงินปันผลอีกประมาณ 5.98% ด้วย ทำให้ SPRC ยังเหมาะที่จะลงทุนมาก

6 views
bottom of page