เตือนนักลงทุนอย่าเพิ่งดีใจ หลังหุ้นทีวีดิจิตอลกอดคอกันเขียวรับข่าว ศาลปกครองกลาง พิพากษาให้ บริษัทไทยทีวี ของเจ๊ติ๋ม ทีวีพูล สามารถบอกเลิกสัญญาได้ และกสทช.ต้องคืนเงินค้ำประกัน 1,500 ล้าน ทำให้คาดการณ์กันว่าจะเป็นบรรทัดฐานสำหรับทีวีดิจิตอลช่องอื่นๆที่ประสบปัญหาสามารถบอกเลิกสัญญาด้วย โดยเพาะ BEC และ MCOT ที่ถือใบอนุญาตในมือมากที่สุด
ดีใจได้วันเดียวสำหรับคนเก็งกำไรในหุ้นทีวีดิจิตอล กรณีที่ศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาเมื่อ 13 มีนาคม 2561 ให้นางพันธ์ทิพา ศกุนต์ไชย หรือ เจ๊ติ๋ม ทีวีพูล กรรมการผู้มีอำนาจ ของบริษัทไทยทีวี มีสิทธิบอกเลิกสัญญากับ กสทช.ได้ เพราะ กสทช. ไม่ได้ปฏิบัติตามที่ได้ประกาศเชิญชวนไว้ และให้ กสทช.คืนหนังสือค้ำประกันของธนาคารกรุงเทพที่วางไว้คืนแก่บริษัทภายใน 60 วัน โดยส่งผลให้หุ้นที่ทำธุรกิจทีวีดิจิตอลกอดคอกันขึ้นรับข่าวกันยกใหญ่ โดยเฉพาะ BEC และ MCOT ที่คาดว่าน่าจะปลดภาระกันไปได้มากๆ เนื่องจากกรณีคดีทีวีพูลจะทำให้เกิดบรรทัดฐานว่า ทีวีดิจิตอลช่องอื่นๆก็สามารถบอกเลิกสัญญาได้เช่นเดียวกัน
ทั้งนี้ BEC ถือใบอนุญาตมากถึง 3 ใบ ส่วน MCOT มี 2 ใบ ซึ่งนับตั้งแต่ทำทีวีดิจิตอลกันมา ต่างก็มีภาระค่าใช้จ่ายเสียหายขาดทุนกันมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
ดังจะเห็นได้ว่าราคาหุ้นทีวีดิจิตอลเขียวยกเซต เหมือนเมื่อครั้งที่ ที่ประชุม กสทช.เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 ได้มีมติเห็นชอบแนวทางการทบทวนอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือกิจการโทรทัศน์ เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลโดยมีการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมใบอนุญาตฯ คือ รายได้จากการประกอบกิจการกระจายเสียง หรือกิจการโทรทัศน์ ประเด็นดังกล่าวถือเป็นปัจจัยบวก ทำให้หุ้นทีวีดิจิตอลทั้ง BEC ,GRAMMY ,MCOT ,WORK และRS กระดี๊กระด๊ากันมาครั้งหนึ่งแล้ว
อย่างไรก็ตาม การเก็งกำไรจากข่าว เจ๊ติ๋มทีวีพูล เป็นฝ่ายชนะคดี ทำให้ดีใจได้แค่วันเดียว เนื่องจากในเย็นวันที่ 14 มีนาคม 2561 ทางบอร์ดของ กสทช.ได้ตัดสินใจให้มีการยื่นอุทธรณ์ เท่ากับว่าเรื่องยังไม่จบสิ้น ดังนั้นนักลงทุนที่คิดเข้ามาเก็งกำไรรับข่าวดีจากเรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องระวัดระวัง และอย่าเพิ่งดีใจเร็วเกินไป
เพราะเมื่อมีการอุทธรณ์คำสั่งศาล ทางสำนักงานฯ ก็ยังไม่ต้องคืนแบงก์การันตี เพราะถือว่าคดียังไม่ถึงที่สุด