top of page
image.png

ก.ล.ต.ฟ้อง 25 คนรวด...ร่วมมือกันปั่น 6 หุ้นดัง


ก.ล.ต. แจ้งพนักงานอัยการฟ้องผู้กระทำผิด 25 ราย ฐานร่วมกันสร้างราคาหลักทรัพย์ 6 หลักทรัพย์ พร้อมส่งเรื่องต่อ ปปง. ให้ชำระค่าปรับทางแพ่งจำนวนกว่า 890 ล้านบาท นับเป็นการลงโทษที่ใช้อัตราค่าปรับสูงสุดคือ ปรับ 2 เท่าของผลประโยชน์ที่เกิดขึ้น

รายงานข่าวจาก สำนักงาน ก.ล.ต.ระบุ ก.ล.ต.ได้ดำเนินการตามกฎหมายกับผู้กระทำผิด 25 ราย กรณีร่วมกันสร้างราคาหลักทรัพย์หรือ ปั่น 6 หุ้นได้แก่ NEWS , MILL , POLAR , NBC, NINE และ NINE-W1 ด้วยการฟ้องคดีต่อศาลเพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งจำนวนกว่า 890 ล้านบาท พร้อมรายงานการดำเนินการดังกล่าวไปยังสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง.เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อ

ทั้งนี้ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์ฯ และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า ในช่วงระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม 2556 - 24 มีนาคม 2558 มีบุคคลรวม 25 ราย รู้เห็นและ/หรือตกลงร่วมกันในการซื้อขายหุ้น โดยสลับกันเข้าซื้อขายหุ้น 6 ตัว ในลักษณะอำพรางและ/หรือต่อเนื่อง ทำให้ราคาหรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ผิดไปจากสภาพปกติของตลาด เพื่อชักจูงให้บุคคลอื่นเข้าซื้อหรือขายหุ้นดังกล่าว โดยมีรายละเอียดผู้กระทำผิด ดังนี้

1.กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น (NEWS) ขณะเกิดเหตุใช้ชื่อ บริษัท โซลูชั่น คอนเนอร์ (1998) หรือ SLC มีผู้กระทำผิด 23 ราย ในช่วงระหว่างวันที่ 12 ธันวาคม 2556 - 27 พฤศจิกายน 2557

2.กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท มิลล์คอน สตีล (MILL) มีผู้กระทำผิด 6 ราย ระหว่างวันที่ 21 มีนาคม 2557 - 3 มิถุนายน 2557

3.กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท โพลาริส แคปปิตัล (POLAR) ขณะเกิดเหตุชื่อบริษัท วธน แคปปิตัล หรือ WAT มีผู้กระทำผิด 17 ราย ระหว่างวันที่ 23 มิถุนายน 2557 - 9 มกราคม 2558

4.กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท เนชั่น บรอดแคสติ้ง คอร์ปอเรชั่น (NBC) มีผู้กระทำผิด 11 ราย

5.กรณีสร้างราคาหุ้นบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE) มีผู้กระทำผิด 12 ราย ระหว่างวันที่ 19 ธันวาคม 2557 - 24 มีนาคม 2558

6.กรณีสร้างราคาใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบริษัท เนชั่น อินเตอร์เนชั่นแนล เอ็ดดูเทนเมนท์ (NINE-W1) มีผู้กระทำผิด 5 ราย ระหว่างวันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2558 ถึงวันที่ 2 มีนาคม 2558

ก.ล.ต.ระบุเพิ่มเติมว่า การกระทำของบุคคลทั้ง 25 รายเป็นการดำเนินการอย่างเป็นกระบวนการ โดยสามารถเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทั้งทางการเงินและความสัมพันธ์ส่วนบุคคล รวมทั้งวิธีส่งคำสั่งซื้อขายในลักษณะที่เป็นการผลักดันราคา และ/หรือพยุงราคาอย่างต่อเนื่องในหลายช่วงเวลาต่างกัน ตลอดจนเป็นการกระทำโดยมีการปิดบังหรือปกปิดความสัมพันธ์และการส่งคำสั่งซื้อขายดังกล่าว จึงเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 243(1) ประกอบมาตรา 244 และมาตรา 243(2) และมีระวางโทษตามมาตรา 296 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 ซึ่งปัจจุบันยังคงเป็นความผิดตามมาตรา 244/3 และมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 มาตรา 296/1 และมาตรา 296/2 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์ฯ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ 5) พ.ศ. 2559 ประกอบมาตรา 83 แห่งประมวลกฎหมายอาญา

คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับ โดยการปรับทางแพ่งกับผู้กระทำผิด อย่างไรก็ดี ผู้กระทำผิดทั้ง 25 ราย ไม่ยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ก.ล.ต. จึงมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องเป็นคดีต่อศาลแพ่ง เพื่อขอให้ชำระค่าปรับทางแพ่งตามอัตราสูงสุดที่กฎหมายกำหนด จำนวน 890,789,424 บาท

ทั้งนี้ การที่ ค.ม.พ. ให้ปรับทางแพ่งกับผู้กระทำผิด มีผลทำให้ผู้กระทำผิดทั้งหมดเป็นผู้มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจในการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน

นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังได้รายงานการดำเนินการดังกล่าวต่อสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เนื่องจากความผิดเกี่ยวกับการกระทำอันไม่เป็นธรรมเกี่ยวกับการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นความผิดมูลฐานตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542

 
bottom of page