บริษัทกรุ๊ปลีสจำกัด (มหาชน) เผยรายได้ไตรมาสที่1/2561 อยู่ที่ 703.14 ล้านบาทมั่นใจธุรกิจยังเติบโตต่อเนื่องเตรียมเดินหน้าขยายสายผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯให้ครอบคลุมเพื่อสร้างความแตกต่างจากบริษัทสินเชื่อรายอื่นๆในรูปแบบการให้บริการแบบ‘One Stop Solution’ สำหรับตัวแทนจำหน่ายและ'Lifecycle Finance' สำหรับผู้บริโภค
นาย อาลัน ฌอง ปาสคาล ดูเฟส ประธานเจ้าหน้าที่การเงินบริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯยังคงมีกำไรสุทธิ104.82 ล้านบาท ในไตรมาสแรกของปี2561โดยบริษัทฯ ขาดทุนในไตรมาสที่สามของปีที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามบริษัทฯ กลับมามีกำไรอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาสที่สี่ของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะขยายธุรกิจทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศได้อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับนักลงทุนยังคงให้ความเชื่อมั่นในการดำเนินงานของบริษัทฯ ส่งผลให้ไตรมาสที่ 1 ของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่703.14ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 7.7 ล้านบาท เมื่อเทียบกับไตรมาสที่ 4 ของปีที่ผ่านมาโดยปัจจัยความสำเร็จมาจากรายได้จากธุรกิจเช่าซื้อและสินเชื่อรายย่อย
ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับปี 2560 ที่ผ่านมา ธุรกิจในประเทศไทย ลาวพม่าและอินโดนีเซีย เป็นกลุ่มประเทศหลักที่สร้างรายได้ โดยบริษัทฯยังคงมุ่งเน้นไปที่ประเทศไทยและตลาดที่มีการเติบโตสูงเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้รายได้ของบริษัทฯส่วนใหญ่มาจากสายผลิตภัณฑ์สินเชื่อเช่าซื้อรายได้จากสินทรัพย์และรายได้ของสินเชื่อรายย่อย ซึ่งปัจจุบันมีสัดส่วน87% ของรายได้ในไตรมาส1/2561 เทียบกับปีที่ผ่านมา มีสัดส่วนอยู่ที่ 77%
นายทัตซึยะ โคโนชิตะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่าในปี2561 นี้ เป็นปีที่บริษัทฯ จะเพิ่มผลกำไร และเสริมสร้างศักยภาพการดำเนินธุรกิจให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับช่วงสองไตรมาสที่ผ่านมา เรามีค่าใช้จ่ายทางกฎหมายที่ค่อนข้างสูง แต่อย่างไรก็ตามปัญหาต่างๆเหล่านี้กำลังจะดำเนินไปสู่แนวโน้มที่ดีขึ้น และคาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายทางกฎหมายนี้จะลดลงในช่วงไตรมาสที่เหลือของปี นอกจากนี้ ผลการดำเนินธุรกิจของ กรุ๊ปลีส สามารถเติบโตได้ดี ในประเทศไทย และพม่า ขณะที่ในกัมพูชายังเติบโตไม่มากนัก เนื่องจากการแข่งขันสูงและต้องพิจารณาจากปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจ
“สำหรับแนวทางการบริหารงานในช่วงตลอดปีที่ผ่านมาต่อเนื่องจนถึงปีนี้ บริษัทฯ มองเห็นโอกาสการขยายธุรกิจในประเทศไทย กลยุทธ์สำคัญ คือ การสร้างความน่าเชื่อถือกับตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค ด้วยการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์และบริการของเราเพื่อตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่มเป้าหมายให้คลอบคลุม และดีกว่าผู้ให้บริการด้านการเงินรายอื่นๆในประเทศไทยทั้งนี้เรามั่นใจว่าประเทศไทยจะเป็นตลาดที่มีความแข็งแกร่งและจะเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยผลักดันให้บริษัทฯ เติบโตตามเป้าหมายที่ตั้งไว้”
นายมุเนะโอะ ทาชิโร่กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ บริษัท กรุ๊ปลีส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการเพิ่มศักยภาพให้กับธุรกิจในประเทศไทย บริษัทฯ ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆในช่วงสองปีที่ผ่านมาโดยในปี2560 บริษัทฯ ได้เริ่มใช้กลยุทธ์ “One Stop Solution” สำหรับผู้แทนจำหน่าย และ“Lifecycle Finance” สำหรับผู้บริโภคโดยหนึ่งในเป้าหมายของ กรุ๊ปลีส ตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจในประเทศไทยเมื่อ 4 ปีที่แล้ว คือ การเพิ่มผลกำไรอย่างต่อเนื่อง แม้อัตราดอกเบี้ยจะลดลงจากปัจจัยด้านการแข่งที่สูงหรือด้วยกฎระเบียบต่างๆก็ตาม ซึ่งจากกลยุทธ์ดังกล่าวช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายตามที่ตั้งใจไว้ ทำให้เรามีวิธีการสร้างผลกำไรมากขึ้น และสามารถนำเสนอความแตกต่างด้านสินค้าและบริการในรูปแบบอื่นๆ นอกเหนือจากเรื่องราคาได้
สำหรับการดำเนินธุรกิจของ กรุ๊ปลีส ในประเทศไทย เรามีทางเลือกมากมายสำหรับตัวแทนจำหน่าย นอกจากการให้สินเชื่อสำหรับรถจักรยานยนต์ใหม่เหมือนบริษัทสินเชื่อส่วนใหญ่แล้วเรายังมีบริการสินเชื่อสำหรับรถจักรยานยนต์มือสอง(Used motorcycles)เพื่อช่วยให้ตัวแทนจำหน่ายสามารถนำรถจักรยานยนต์ของพวกเขามาขายในลานประมูลของบริษัทฯ ตลอดจนดูแลการจัดการด้านการสต็อกสินค้า สำหรับในส่วนของผู้บริโภค นอกเหนือจากบริการสินเชื่อสำหรับรถจักรยานยนต์ใหม่แล้ว บริษัทฯ ยังให้สินเชื่อสำหรับรถจักยานยนต์มือสอง และ สินเชื่อแบบมีหลักประกัน กับผู้ที่เป็นเจ้าของรถ และรับซื้อรถจักรยานยนต์มือสองของพวกเขาอีกด้วย ทั้งนี้ บริษัทฯ มีความพยายามอย่างยิ่งที่จะตอบสนองทุกความต้องการของตัวแทนจำหน่ายและผู้บริโภค ซึ่งผลตอบรับจากการปรับกลยุทธ์นี้ส่งผลให้มีแนวโน้มที่เป็นบวกกับบริษัทฯ
ด้านความคืบหน้าของกระบวนการทางกฎหมาย ล่าสุดเมื่อวันที่ 11 เมษายน 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ได้ยื่นฟ้อง J Trust Asia Pte., Ltd. เป็นคดีอาญาต่อศาลล้มละลายกลาง ในฐานความผิดร่วมกันยื่นคำร้องขอต่อศาลให้มีการฟื้นฟูกิจการอันเป็นเท็จ ในสาระสำคัญ รวมถึงได้อ้างว่า กรุ๊ปลีส ต้องด้วยข้อสันนิษฐานที่จะสามารถยื่นคำร้องขอฟื้นฟูกิจการบริษัทฯ ซึ่งเป็นเท็จ ทำให้บริษัทฯ เสื่อมเสียชื่อเสียง ขาดความน่าเชื่อถือในกลุ่มนักลงทุน และส่งผลกระทบต่อราคาหุ้นของบริษัทฯ ทั้งนี้ศาลล้มละลายกลางได้รับฟ้องและกำหนดวันนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 25 มิถุนายน 2561 เวลา 9.00 น.และ บริษัทฯ ยังได้ยื่นฟ้อง J Trust Asia Pte., Ltd. จำกัดเป็นจำเลยต่อศาลแพ่ง เมื่อวันที่ 30 เมษายน 2561 เป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่พ.2313/2561 มีจำนวนทุนทรัพย์ 880,000,000 บาท ในข้อหาละเมิด และเรียกค่าเสียหาย และค่าสินไหมทดแทน โดยมีวันนัดพิจารณาครั้้งแรก (วันนัดชี้สองสถาน) ในวันที่ 20 สิงหาคม 2561