ผู้บริหาร ยืนยันกระแสเงินสดแข็งแกร่ง เร่งเดินหน้าลงทุนโรงงานผลิตแบตเตอรี่ สถานีชาร์จไฟฟ้า เตรียมรับอีวี รายได้-กำไร ทำสถิติสูงสุดใหม่
นายอมร ทรัพย์ทวีกุล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วง 1-2 ปี ข้างหน้า (2561-2562) คาดว่าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดดและมีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเข้ามาอย่างเต็มที่ ซึ่งจะเห็นได้ชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ หลังจากโรงไฟฟ้าพลังงานลม “โครงการหาดกังหัน” ได้เริ่ม COD ไปเมื่อปลายเดือนมิถุนายน ปี 2560 และจะต่อเนื่องด้วยโรงไฟฟ้าพลังงานลม “โครงการหนุมาน” จ.ชัยภูมิ ขนาดกำลังการผลิต 260 เมกะวัตต์ ที่คาดว่าจะ COD ในช่วงไตรมาส 4/61 ทำให้ทริสเรตติ้งวิเคราะห์เราแล้ว เชื่อมั่นในความมั่นคงในการดำเนินงาน กระแสเงินสด และแผนการดำเนินงานของบริษัท จนปรับเพิ่มอันดับความน่าเชื่อให้เป็น “A-” เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา
ผลจากการที่บริษัทได้รับการปรับเพิ่มเรทติ้งเป็น A- นั้น ส่งผลดีต่อแผนการจัดหาเงินทุนและต้นทุนเงินทุนที่จะนำมาใช้ลงทุนในโครงการต่างๆ ที่บริษัทเตรียมการไว้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการลงทุนที่สำคัญที่สุดคือ โรงงานผลิตแบตเตอรี่ เฟสที่ 1 ขนาดกำลังการผลิต 1 GWh มูลค่าการลงทุน 4 พันล้านบาท ที่จะมุ่งเน้นการนำแบตเตอรี่ที่ผลิตไปใช้ในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนต่างๆ ที่ได้เตรียมการไว้ โดย ณ ปัจจุบัน บริษัทได้สั่งซื้อเครื่องจักรบางส่วนไปแล้วและอยู่ในช่วงการเตรียมการที่จะก่อสร้างในกลางปีนี้
นอกจากนี้ บริษัทยังได้เร่งรัดการสร้างสถานีอัดประจุไฟฟ้า หรือสถานีชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าทั่วประเทศให้แล้วเสร็จ 1,000 สถานีตามแผน เพื่อรองรับการใช้งานของรถยนต์ไฟฟ้าที่มีการตื่นตัวมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากการเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้า MINE Mobility ของบริษัท รวมถึงจากค่ายรถยนต์รายอื่นๆ ในงาน Bangkok International Motor Show 2018 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ บริษัทได้วางแผนกลยุทธ์ระยะสั้นและระยะยาวไว้เตรียมรุกในธุรกิจนี้แล้ว
สำหรับการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานลมโครงการหนุมาน มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการติดตั้งเสากังหัน ซึ่งมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 103 ชุด ขนาดชุดละประมาณ 2.5 เมกะวัตต์ ซึ่งมีความคืบหน้าในงานฐานไปเกือบ 70% และล่าสุดได้ทะยอยติดตั้งใบพัดกังหันลมและชุดอุปกรณ์แล้ว เราจะเริ่มทำการทดสอบระบบการผลิตปลายไตรมาสที่ 3 ก่อนที่จะเริ่ม COD ภายในไตรมาส 4/61 ทำให้กำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัท ทั้งในส่วนของโซลาร์ฟาร์มและวินด์ฟาร์ม เพิ่มเป็น 664 เมกะวัตต์ ผลักดันรายได้และกำไรทำสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปี 2562 ที่จะรับรู้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าเต็มกำลังการผลิตของบริษัท และรับรู้เต็มปี
“อนาคตการเติบโตของ EA ในช่วง 5 ปีข้างหน้า จะขึ้นอยู่กับโครงการผลิตแบตเตอรี่ที่จะขยายกำลังการผลิตในเฟสที่ 2 เป็น 50 GWh ต่อปี อย่างไรก็ตาม ด้วยมูลค่าการลงทุนที่สูงเกินกว่า 1 แสนล้านบาท EA จึงวางแผนการเงินไว้ว่า นอกจากจะใช้เงินจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานแล้ว ยังเตรียมแผนการออกหุ้นกู้ การกู้ยืมระยะยาวจากสถาบันการเงิน ตลอดจนการร่วมทุนจากพันธมิตรทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งผมมั่นใจในแผนธุรกิจของที่ได้เตรียมการไว้อย่างรอบคอบแล้ว” นายอมรกล่าว