แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมาในระดับโลกจะมีข่าวใหญ่อย่างการพบกันของผู้นำสหรัฐ และเกาหลีเหนือ แต่ถ้าพิจารณาจากมุมมองของนักวิเคราะห์ผ่านการประมาณการต่างๆของ Bloomberg Consensus จะพบว่าตลาดหุ้นโลกดูไม่ค่อยจะตอบสนองในด้านบวกต่อปัจจัยดังกล่าวมากนัก สะท้อนออกมาจาก Target Reversion ในแต่ละ Asset class โดย Bloomberg Consensus ในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยที่พบว่ามีเพียงดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นสหรัฐ และดัชนี TOPIX ตลาดหุ้นญี่ปุ่นที่มีการปรับประมาณการราคาเป้าหมายขึ้นราว 0.1% และ 0.2% ตามลำดับ
ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมีการปรับประมาณการดัชนี SET ลง 0.1% ทั้งนี้นอกจากการที่ในทางเทคนิค หลังจากที่ SET ถอยตัวลงมาต่ำกว่า 1,730 จุดอีกครั้งจะทำให้โอกาสในการดีดตัวขึ้นจะเป็นไปได้ยากแล้ว ปัจจัยในเชิงพื้นฐานจริงของตลาดหุ้นไทยก็เข้ามากดดันเพิ่มเติมด้วย สะท้อนออกมาจากการที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ในภาวะที่ Bloomberg Consensus ได้ปรับประมาณการณ์กำไรสุทธิปี 2561 ของตลาดหุ้นแต่ละประเทศขึ้นเกือบทั้งหมด โดยตลาดหุ้นโลกถูกปรับประมาณการณ์ +0.1% WoW, ตลาดหุ้นสหรัฐถูกปรับประมาณการณ์ +0.2% WoW, ตลาดหุ้นจีนถูกปรับประมาณการณ์ +0.1% WoW และตลาดหุ้นญี่ปุ่นถูกปรับประมาณการณ์ +0.2% WoW ในส่วนของตลาดหุ้นไทยยังคงสวนทางตลาดหุ้นอื่นๆโดยกำไรสุทธิปี 2561 ของตลาดหุ้นไทยถูกปรับประมาณการณ์ -0.5% WoW
นอกจากนี้เมื่อเทียบอัตราส่วน P/E Ratio เทียบกับ EPS Growth ของแต่ละประเทศกับตลาดหุ้นโลกจะพบว่า มีเพียงตลาดหุ้นเกาหลีใต้ที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2561 ที่สูงกว่า และมีอัตราส่วน P/E Ratio ที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นโลก ขณะที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิที่ต่ำกว่า และมี P/E Ratio ที่ต่ำกว่าตลาดหุ้นโลกเช่นเดียวกัน นอกจากนี้เมื่อเทียบกับดัชนี MSCI Asia ex. Japan จะพบว่ามีเพียง ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ทีมีอัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 2561 ที่สูงกว่า และมีอัตราส่วน P/E Ratio ที่ต่ำกว่า MSCI Asia ex Japan ขณะที่ตลาดหุ้นไทยอยู่ในกลุ่มที่มีอัตราการเติบโตที่สูงกว่า และมี P/E Ratio ที่สูงกว่าเช่นเดียวกัน
ดังนั้นจากการเปรียบเทียบข้อมูลเบื้องต้นสรุปได้ว่าตลาดหุ้นไทยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมแล้ว ทำให้โอกาสที่จะมี Global Fund Manager หมุนเงินกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยอีกครั้งในระยะสั้น จึงเป็นไปได้ยาก
ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัวยาก : แม้ว่าเมื่อพิจารณาจากระดับ Potential Upside ของแต่ละ Asset Class จะพบว่าตลาดหุ้นยังคงเป็น Asset Class ที่มีความน่าสนใจที่สุด โดยที่ตลาดหุ้นจีนมี Potential Upside ราว 18% ตามมาด้วยตลาดหุ้นยุโรป และญี่ปุ่นที่ 14% และ 12% ตามลำดับ ขณะที่ตลาดหุ้นสหรัฐเหลือ Potential Upside เพียง 11% เท่านั้น
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะกลับมาเหลือ Potential Upside มากกว่าสหรัฐที่ 13% แล้ว แต่ “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันมุมมองเดิมว่าตลาดหุ้นไทยจะไม่ใช่ทางเลือกอันดับต้นๆในภูมิภาคของ Global Fund Manager เพราะในปัจจุบันดัชนี MSCI Asia ex Japan ยังคงมีระดับ Potential Upside สูงถึง 16% ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นต้องถือว่าเหมาะสมกับความคาดหวังในเชิงปัจจัยพื้นฐาน เนื่องจากถ้าพิจารณาจากความสามารถในการทำกำไรทั้งในส่วนของประมาณการณ์การเติบโตกำไรสุทธิปี 2561 และผลตอบแทนต่อส่วนผู้ถือหุ้น (ROE) ของแต่ละประเทศจากข้อมูลของ Bloomberg Consensus จะพบว่าตลาดหุ้นโลกจะมีกำไรสุทธิ +16.3% และ ROE ที่ 12.2%, ตลาดหุ้นสหรัฐจะมีกำไรสุทธิ +21.1% และ ROE ที่ 14.2% และตลาดหุ้นจีนจะมีกำไรสุทธิ +14.3% และ ROE ที่ 12.6% เทียบกับตลาดหุ้นไทยที่จะมีกำไรสุทธิเพียง +10.6% และมี ROE ที่ 11.6% สะท้อนให้เห็นมุมมองต่อปัจจัยพื้นฐานที่เปราะบางของตลาดหุ้นไทยอย่างชัดเจน
ดังนั้น การที่ตลาดหุ้นไทยจะกลับเข้าสู่แนวโน้มขาขึ้นได้คงต้องรอให้ตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาคปรับตัวขึ้นจนแทบไม่เหลือ Potential Upside ที่สามารถชดเชยกับความเสี่ยงได้ก่อน และตลาดหุ้นไทยน่าจะอยู่ในตลาดหุ้นกลุ่มท้ายๆที่มีโอกาสดีดกลับได้ เนื่องจากเมื่อเทียบระดับราคากับดัชนี MSCI Asia ex Japan จะพบว่าปัจจุบันส่วนต่าง P/E Ratio ระหว่าง SET และ MSCI Asia ex. Japan อยู่ที่ระดับ 3.8 เท่า โดยที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 0.5 เท่า WoW และยังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ระดับ 3.0 ขณะที่ส่วนต่าง P/B Ratio ระหว่าง SET และ MSCI Asia ex. Japan อยู่ที่ระดับ 0.4 เท่า โดยที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 0.1 เท่า WoW ยังคงสูงกว่าเมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ย 10 ปีย้อนหลังที่ระดับ 0.3 เท่า
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : ใช้โอกาสที่ SET ยังคงไม่กลับไปปิดเหนือ 1,750 (+/-5) จุดอีกครั้ง เป็นโอกาสในการ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO,TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club