PTTGC งานงอก..นอกจากตัวบริษัทเองมีแรงกดดันจากสภาพธุรกิจอยู่แล้ว ยังมาเจอบริษัทลูก โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC ทำวัตถุดิบหายไปจากคลังประเมินเสียหายถึง 2,100 ล้านบาท ... เมย์แบงก์กิมเอ็งมองหุ้นกลุ่มปิโตรเคมี ยังมีแรงกดดันจากต้นทุนต่อไป
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล (PTTGC) เจอศึกหนักจากธุรกิจตัวเองไม่พอ มาเจอปัญหาบริษัทลูก โกลบอลกรีนเคมิคอล หรือ GGC ( PTTGC ถือหุ้นในสัดส่วน 72.29% ) พาแม่มีปัญหาตามไปด้วย เมื่อมีการตรวจพบว่า วัตถุดิบหายไปจากคลังของบริษัท ซึ่งประเมินว่าเป็นมูลค่าความเสยหายไม่น้อยเลยทีเดียว ทั้งนี้ได้มีการตั้งทีมตรวจสอบ และพบว่า วัตถุดิบคงคลังของ GGC ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นที่เน้นหลักธรรมาภิบาล หายไปจากเดิมที่เคยตรวจบันทึกเมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2561 ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ซื้อมาเก็บไว้ในคลังโดยจ่ายเงินค่าวัตถุดิบนั้นไว้ทั้งหมดแล้ว คิดเป็นมูลค่าสูงถึง 2,100 ล้านบาท
ได้มีการรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นนี้กับตลาดหลักทรัพย์ในวันศุกร์ที่ 29 มิถุนายน 2561 ซึ่งพบว่าราคาหุ้น GGC ในกระดานหล่นลงฟลอร์ ปรับลดลงมาถึง 30 และก่อนหน้านั้นราคาหุ้นก็ปรับลดลงมา 3-4 วันแล้ว โดยราคาหุ้นจาก 13.50 บาท เหลือแค่ 8.80 บาท สร้างความเสียหายให้นักลงทุนพอสมควร ขณะเดียวกันก็ได้ฉุดให้ราคาหุ้นแม่ PTTGC ปรับลดตามไปด้วย
แม้ว่า จะมีการพิจารณา และ นายจิรวัฒน์ นุริตานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท GGC ได้ลาออกจากตำแหน่งให้มีผลทันทีวันที่ 29 มิถุนายน 2561 โดยแต่งตั้งให้ นายอัฒฑวุฒิ หิรัญบูรณะ ทำหน้าที่รักษาการกรรมการผู้จัดการแทนไปก่อน แต่ยังไม่ได้มีการสร้างความมั่นใจให้กับผู้ถือหุ้นว่าจะดำเนินการอย่างไรกับ วัตถุดิบที่หายไปถึง 2,100 ล้านบาท จึงยังนับว่าข่าวนี้ จะส่งผลต่อหุ้น GGC และหุ้นแม่คือ PTTGC ได้ต่อไปอีก
ทั้งนี้ได้มีการประเมินว่า กลุ่มปิโตรเคมี ซึ่งหุ้น PTTGC รวมอยู่ในกลุ่มนี้เองก็กำลังอยู่ในสภาพที่มีปัจจัยลบกวนใจอยู่
ฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ของ บริษัทหลักทรัพย์ เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ให้ความเห็น วิจัยหุ้นในกลุมปิโตรเคมีว่า จะมีแรงกดดันจากต้นทุนกลับมาอีกครั้ง
“ช่วงปลายเดือนมิถุนายน 2561 ที่ผ่านมาราคาวัตถุดิบแนฟทาพุ่ง 5.7% WoW ราคาน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นหลังการประชุมโอเปกกลับมากดดันส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีลดลง 5.1-12.5% WoW ส่งผลเชิงลบต่อ IRPC SCC และ PTTGC ยกเว้น PX ที่ส่วนต่างเพิ่มขึ้น 1.6% WoW ช่วยชดเชยผลกระทบจากส่วนต่าง BZ ที่ลดลง 11.5% ผลกระทบสุทธิเป็นลบเล็กน้อยต่อ TOP และ PTTGC
เราเชื่อว่า PX ได้แรงหนุนจากอุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์ที่แข็งแกร่ง ทั้งจากอุปสงค์ PET ในช่วงฤดูร้อน ส่วนต่าง MEG ดีดตัวขึ้น 41.5% WoW เป็นบวกต่อ IVL ขณะที่ส่วนต่าง PVC คงที่ไม่เปลี่ยนแปลง
เรายังคงมุมมองระมัดระวังการลงทุนในกลุ่มปิโตรเคมีในระยะสั้น จากแรงกดดันด้านต้นทุน รวมถึงภาวะตลาดที่ผันผวน
ยกเว้น IVL ยังเป็นหุ้นที่น่าสนใจในกลุ่ม เนื่องจากอุตสาหกรรมโพลีเอสเตอร์ที่ตึงตัว และแนวโน้มผลประกอบการ 2Q61 ที่คาดแข็งแกร่งต่อเนื่อง หนุนโดยส่วนต่าง PET และ PTA แนะนำ ทยอยสะสม ราคาเป้าหมาย 70 บาท