top of page

หุ้นไทยตอบสนองปัจจัยบวกได้ช้า


ดอลลาร์อ่อนแรง ! ทิศทางของค่าเงินยังคงเป็นปัจจัยหนุนทิศทางของตลาดหุ้นภูมิภาคอย่างต่อเนื่อง โดยที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ค่าเงินเอเชียที่สะท้อนออกมาจากดัชนี Asian Dollar Index แข็งค่า 019% เมื่อเทียบจากสัปดาห์ที่ผ่านมา สวนทางกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่สะท้อนออกมาจากดัชนี US Dollar Index ที่อ่อนค่า 0.56% เมื่อเทียบกับ 6 สกุลเงินหลัก หลังจากนายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ส่งสัญญาณการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังจากเศรษฐกิจมีความแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อกำลังเข้าใกล้เป้าหมาย 2% ขณะที่การจ้างงานอยู่ในระดับสูง

ทั้งนี้ถ้าหากว่ารายได้และการจ้างงานยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่ง การปรับขึ้นเป้าหมายอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอย่างค่อยเป็นค่อยไปถือว่ามีความเหมาะสม รวมถึงจากการที่สหรัฐประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโก ส่งผลให้นักลงทุนเริ่มย้ายการลงทุนจากสินทรัพย์เสี่ยงน้อยอย่างสินทรัพย์สกุลดอลลาร์ชัดเจน

ระดับการยอมรับความเสี่ยง หรือ Risk Tolerance ที่เพิ่มขึ้นของนักลงทุนในตลาดหุ้นโลก สะท้อนออกมาจากทิศทางของดัชนี VIX Index ของตลาดหุ้นสหรัฐ, ยุโรป และฮ่องกง ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่ลดลง 2.80%, 5.15% และ 0.64% โดยปัจจุบันดัชนี VIX Index ของสหรัฐ, ยุโรป และฮ่องกง ยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 25 วัน (SMA 25) โดยดัชนี ดัชนี VIX Index ที่ลดลงสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของนักลงทุนที่ลดลง เนื่องจาก Sentiment ของตลาดหุ้นโลกเป็นไปในทิศทางบวกมากขึ้น โดยได้แรงหนุนจากการที่สหรัฐฯประกาศบรรลุข้อตกลงการค้าทวิภาคีกับเม็กซิโกซึ่งจะปูทางไปสู่การปรับปรุงข้อตกลงการค้าเสรีอเมริกาเหนือ (NAFTA) รวมถึงปัจจัยบวกจากความคืบหน้าของการเจรจา Brexit หลังสหภาพยุโรป หรือ อียู เตรียมเสนอให้อังกฤษได้รับสถานะหุ้นส่วนพิเศษ เป็นสัญญาณบ่งชี้ถึงความคืบหน้าในการเจรจาระหว่างอังกฤษ และ อียู การที่อียูยื่นข้อเสนอดังกล่าวถือเป็นการผ่อนคลายจากเงื่อนไขเดิมที่ระบุว่าอังกฤษจะต้องตัดสินใจเลือกความสัมพันธ์ในอนาคตในรูปแบบที่มีอยู่ในขณะนี้ และบ่งชี้ว่าอียูได้ลดท่าทีแข็งกร้าวต่อข้อเสนอจากอังกฤษ

การอ่อนค่าลงของค่าเงินดอลลาร์สหรัฐยังคงเป็นปัจจัยหนุนให้กับสินทรัพย์อื่นๆอย่างน้ำมัน และทองคำด้วย โดยที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันปรับตัวขึ้น 1.75% เนื่องจากสต็อกน้ำมันดิบประจำสัปดาห์ของสหรัฐปรับตัวลดลงมากกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ 2 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ตลาดยังได้แรงหนุนจากรายงานที่ว่าการส่งออกน้ำมันของอิหร่านลดลงเนื่องจากผลกระทบของมาตรการคว่ำบาตรจากสหรัฐ ขณะที่ราคาทองคำปรับตัวขึ้น 1.24%

นักลงทุนยังไม่กล้าซื้อหุ้นไทย : อย่างไรก็ดี “นายหมูบิน” ประเมินว่าทิศทางของตลาดหุ้นไทยในระยะสั้นคงจะไม่ได้ประโยชน์จากสถานการณ์ดังกล่าวมากนัก จากทิศทางของค่าเงินบาท ซึ่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาทิศทางของค่าเงินบาทเทียบดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 0.5% ขณะที่เม็ดเงินลงทุนในตลาดการเงินไทยส่วนใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาไหลเข้าตลาดพันธบัตรไทยเป็นหลักอย่างต่อเนื่อง โดยที่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในตลาดตราสารหนี้ไทยทุกวันทำการ สวนทางกับที่ขายสุทธิออกมาในตลาดหุ้นไทยทุกวันทำการเช่นกัน ส่งผลให้ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นเพียง 1.41% ซึ่งถือว่าแย่กว่า หรือ Underperform เมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก และเอเชีย ที่ดัชนี MSCI ACWI ปรับตัวขึ้น 1.55% และดัชนี MSCI Asia ex Japan ปรับตัวขึ้น 1.93% โดยตลาดหุ้นที่ Outperform ได้แก่สหรัฐ, ญี่ปุ่น และจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.82%, 2.74% และ 2.21% ตามลำดับ

ทั้งหมดได้รับปัจจัยหนุนจากปัจจัยบวกเฉพาะตัว โดยที่นอกจากตลาดหุ้นสหรัฐที่ได้รับปัจจัยบวกจากทิศทางของอัตราดอกเบี้ยแล้ว ในส่วนของตลาดหุ้นจีนได้รับปัจจัยหนุน จากการที่ธนาคารกลางจีน หรือ PBOC ส่งสัญญาณว่ากำลังใช้มาตรการเพื่อสนับสนุนสกุลเงินหยวน โดยที่ PBOC ได้เริ่มปรับวิธีการคำนวณค่ากลางหยวนต่อดอลลาร์ เพื่อที่จะสกัดการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวน ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นได้รับปัจจัยบวกจากค่าเงินเยนที่อ่อนลงอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในส่วนของตลาดหุ้นไทย นอกจากจะไม่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวใหม่มาสนับสนุนแล้ว ระดับการยอมรับความเสี่ยง หรือ Risk Tolerance ที่ลดลงของนักลงทุนก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยกดดันที่สำคัญ สะท้อนออกมาจากส่วนต่างอัตราผลตอบแทนหุ้นกู้เอกชนของไทยในสัปดาห์ที่ผ่านมา ของหุ้นกู้เอกชนช่วงอายุ 3 ปีในกลุ่มบริษัทที่มีเครดิตระดับ AAA และ AA ลดลง 0.46 และ 2.17 bps ตามลำดับ ขณะที่ในกลุ่มบริษัทที่มีเครดิตระดับ A และ BBB เพิ่มขึ้น 0.50 และ 0.09 bps ตามลำดับ

กลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : ใช้โอกาสที่ SET ดีดตัวขึ้นไม่ผ่าน 1,750 (+/-5) จุด เป็นโอกาสในการ “ขายทำกำไร” ในลักษณะ “Short-Against” ไปรอ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO,TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: Wealth Hunters Club

29 views
bottom of page