เอเชียเริ่มเด่น ! ในสัปดาห์ที่ผ่านมาทิศทางของตลาดหุ้นโลกปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึง Sentiment ในเชิงบวกต่อความเสี่ยงด้านการลงทุน หรือ Risk On อย่างชัดเจน หลังจากที่ประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติคงอัตราดอกเบี้ยตามคาดพร้อมกับย้ำว่า เฟดจะพิจารณาข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก (Data Dependency) และจะใช้ความอดทนต่อการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในครั้งต่อไป
ในส่วนของการปรับลดงบดุลนั้นแถลงการณ์ระบุว่าเฟดพร้อมที่จะพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการปรับลดการถือครองพันธบัตรในงบดุลของเฟดหากสภาวะเศรษฐกิจบ่งชี้ถึงความจำเป็นดังกล่าว พร้อมทั้งเลือกที่จะใช้นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่ข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐที่ยังอยู่ในระดับที่ขยายตัวได้ดีและอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่น่าพอใจ
นอกจากนี้ตลาดหุ้นโลกยังได้รับปัจจัยสนับสนุนจากความคืบหน้าในการประชุมหารือระหว่างจีนและสหรัฐ ที่เป็นไปในทิศทางเชิงบวกมากขึ้น ขณะที่ในเชิงเทคนิคการที่ล่าสุดดัชนี S&P500 ของตลาดหุ้นสหรัฐ, Stoxx50 ของยุโรป, NIKKEI ของญี่ปุ่น และ FTSE Asean40 ของอาเซียน ยังคงแกว่งตัวอยู่เหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA ระยะสั้นได้อย่างต่อเนื่อง สอดคล้องกับดัชนี VIX Index ของตลาดหุ้นสหรัฐ, ยุโรป และเอเชีย ในสัปดาห์ที่ผ่านมาที่ปรับตัวลดลงมา 12.28%, 2.88% และ 1.32% และทั้งหมดยังคงเคลื่อนไหวอยู่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 25 วัน (SMA 25) สะท้อนให้เห็นถึงความกลัวของนักลงทุนที่ลดลง และ Momentum ขาขึ้นในระยะสั้นของตลาดหุ้นโลก
ทั้งนี้ในส่วนของทิศทางของตลาดหุ้นเอเชีย มีแนวโน้มที่จะได้ประโยชน์จากทิศทางของค่าเงินภูมิภาคที่แข็งค่าขึ้นด้วย โดยที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดัชนี US Dollar Index ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลง 1.06% หลังจากที่เฟดส่งสัญญาณจะพิจารณาการปรับขึ้นดอกเบี้ยโดยใช้ข้อมูลเศรษฐกิจ และเงินเฟ้อเป็นหลัก พร้อมทั้งย้ำว่าจะใช้ความระมัดระวังในการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย สวนทางกับค่าเงินเอเชียที่ดัชนี Asian Dollar Index แข็งค่าขึ้น 0.19% ขณะที่ในสัปดาห์ที่ผ่านมาการที่ดัชนี MSCI Asia ex Japan ปรับตัวขึ้น 2.96% ซึ่ง Outperform ชัดเจนเมื่อเทียบกับดัชนี MSCI ACWI ที่ปรับตัวขึ้น 2.37% สะท้อนให้เห็น Momentum ที่ยังคงดีกว่าของตลาดหุ้นเอเชียในภาวะที่ตลาดหุ้นโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่องในระยะสั้น
อย่างไรก็ดีในเชิงแนวโน้มทางเทคนิคของ SET ในระยะสั้น “นายหมูบิน” ยังคงยืนยันว่าตราบใดที่ SET ยังคงไม่สามารถกลับไปยืนเหนือ Fib Node 0.618 บริเวณ 1,700 จุดได้ ยังคงไม่มีสัญญาณซื้อ และการดีดตัวขึ้นช่วงสั้นให้มองเป็นแค่การ Technical Rebound ไว้ก่อน และเป็นโอกาสในการ “ขายทำกำไรระยะสั้น” หรือ “ขายเพื่อปรับต้นทุนระยะกลาง” มากกว่า
ตลาดหุ้นขึ้นสวนทางกำไร : โดยที่ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของตลาดหุ้นไทยยังคงเป็นเรื่องของปัจจัยพื้นฐานเป็นหลัก ทั้งนี้แม้ว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมารายงานเศรษฐกิจและการเงินในเดือน ธ.ค.2561 ของธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติจะระบุว่าเศรษฐกิจไทยในเดือน ธ.ค.2561 ขยายตัวต่อเนื่องจากเดือนก่อน โดยเครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชนขยายตัวในทุกหมวดการใช้จ่าย ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรม และเครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนขยายตัวต่อเนื่อง นอกจากนี้พบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวชาวจีนมีการฟื้นตัวที่มีนัยสำคัญในเดือน ธ.ค.2561 เป็น 8.38 แสนคน เพิ่มขึ้น 24% จากเดือน พ.ย.2561 ซึ่งถือว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนกลับมาขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน หลังจากเหตุการณ์เรือท่องเที่ยวล่มที่จังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ดี เมื่อไปพิจารณาในส่วนของความสามารถในการทำกำไรของตลาดหุ้นไทยจะพบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา Bloomberg Consensus ได้ปรับประมาณการการขยายตัวของกำไรสุทธิในปี 2562 ของตลาดหุ้นไทยลงราว 0.40% มาอยู่ที่ระดับ 3.80% YoY ซึ่งภาพดังกล่าวเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดัชนีปรับตัวขึ้น แต่การขยายตัวของกำไรถูก Bloomberg Consensus ปรับลดลง สะท้อนออกมาจากการถูกปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2562 ลงของตลาดหุ้นโลก 0.21%, ตลาดหุ้นสหรัฐ 0.33%, ตลาดหุ้นยุโรป 0.55%, ตลาดหุ้นญี่ปุ่น 0.62% และตลาดหุ้นจีน 0.37%
การขยายตัวของกำไรสุทธิดังกล่าวของตลาดหุ้นไทยถือว่าต่ำมากเมื่อเทียบกับของตลาดหุ้นโลกที่ 11.2%, ตลาดหุ้นสหรัฐที่ 13.1%, ตลาดหุ้นยุโรปที่ 18.7% และตลาดหุ้นจีนที่ 18.2%
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) : ใช้โอกาสที่ SET ดีดตัวขึ้นไม่ผ่าน 1,670 (+/-5) จุด เป็นโอกาสในการ “ขายทำกำไร” ในลักษณะ “Short-Against” ไปรอ “เข้าซื้อสะสม” ในหุ้น PTTGC, PTTEP, BCP, EGCO,TISCO, SCC, HMPRO, AOT และ ADVANC อีกครั้ง สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “คงสัดส่วนการลงทุนในหุ้นที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/wealthhuntersclub และ e-mail ที่ moobin.stockmania@gmail.com แล้ว แฟนๆยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 101 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)
Source: Wealth Hunters Club