top of page
379208.jpg

ไทยพาณิชย์ประกาศผลกำไรสุทธิไตรมาส 1/2562 จำนวน 9,157 ลบ.


ธนาคารไทยพาณิชย์และบริษัทย่อยมีกำไรสุทธิในไตรมาส 1 ของปี 2562 จำนวน 9,157ล้านบาท (งบการเงินรวมก่อนสอบทาน) ลดลง 19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานจากกฎหมายแรงงานใหม่ แต่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 29% ตามการปรับตัวดีขึ้นของการดำเนินงานที่สำคัญ

ในไตรมาส 1 ปี 2562 ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิจำนวน 24,713 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเงินให้สินเชื่อของธนาคารเติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผลจากการที่ธนาคารอยู่ในระหว่างการปรับพอร์ตสินเชื่อและเริ่มขยายสินเชื่อในธุรกิจที่มีผลตอบแทนสูง เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน รายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลงเล็กน้อยเพียง 0.3%

รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน โดยมีสาเหตุหลักจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากธุรกรรมเพื่อค้าและปริวรรตเงินตราต่างประเทศ นอกจากนี้ รายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยยังเพิ่มขึ้นจากการฟื้นตัวของรายได้สุทธิจากธุรกิจประกันชีวิต

ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานในไตรมาสนี้ มีจำนวน 17,835 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 11% จากไตรมาสก่อน เป็นผลจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานจากกฎหมายแรงงานใหม่ จำนวน 1.4 พันล้านบาท หากไม่รวมค่าใช้จ่ายครั้งเดียวนี้ อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จะเท่ากับ 47.5% ลดลงเมื่อเทียบกับ 47.7% ในไตรมาสก่อน และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะเพิ่มขึ้นเพียง 1% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนและ 2% จากไตรมาสก่อน

ในไตรมาสนี้ คุณภาพของสินเชื่อปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยสินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPL) มีจำนวนลดลง ในขณะที่อัตราส่วน NPL ปรับตัวดีขึ้นเป็น 2.77% จาก 2.85% ในไตรมาสก่อน และจากการตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มเติ่มไว้ในไตรมาสก่อน ธนาคารจึงได้ตั้งค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญรวม 5,420 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ หรือคิดเป็นอัตราส่วนค่าใช้จ่ายหนี้สูญต่อสินเชื่อที่ 1.02% ซึ่งสอดคล้องกับแนวโน้มการขยายตัวของธุรกิจในปัจจุบัน อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับสูงขึ้นเป็น152.8% เมื่อเทียบกับ 146.7% ในไตรมาสก่อน และเงินกองทุนตามกฎหมายของธนาคารยังอยู่ในระดับแข็งแกร่งที่ 17.1%

นายอาทิตย์ นันทวิทยา ประธานกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารไทยพาณิชย์กล่าวว่า

“แม้ว่าในไตรมาสนี้ธนาคารจะได้รับผลกระทบจากค่าใช้จ่ายครั้งเดียวในการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานจากกฎหมายแรงงานใหม่ ธุรกิจหลักของธนาคารยังคงขยายตัวได้ดีและมีศักยภาพในการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง สะท้อนจากผลลัพธ์ของโครงการ Transformation ที่ได้ปรากฎเด่นชัดขึ้นตามลำดับ รวมถึงจำนวนลูกค้าที่ใช้บริการบนดิจิทัลแพลตฟอร์มของธนาคารเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ ธนาคารมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิผลจากการลงทุนในโครงการ Transformation ซึ่งจะส่งผลต่อการสร้างรายได้จากธุรกิจใหม่และการปรับลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่จะทยอยลดลงในอนาคต ทั้งนี้ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ธนาคารได้ริเริ่มนำวัฒนธรรมองค์กรแบบ Agile มาประยุกต์ใช้เพื่อให้ธนาคารมีความสามารถในการตอบสนองผู้บริโภคในเรื่องของการยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง (Customer Centric)ความรวดเร็ว (Speed) นวัตกรรม (Innovation) และวัฒนธรรมความเสี่ยง (Risk Culture) เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็น 'ธนาคารที่น่าชื่นชมที่สุด' ”

 

SCB ANNOUNCED FIRST QUARTER PROFIT OF BAHT 9.2 BILLION

Bangkok: Siam Commercial Bank and its subsidiaries reported (unreviewed) consolidated net profit of Baht 9.2 billion for the first quarter of 2019. Though net profit was down 19% yoy mainly from a one-time increase in personnel-related expenses (severance pay) necessitated by the amended labor law, the qoq change showed a 29% increase driven by improvements in some key areas.

On the back of 3% yoy loan growth, net interest income (NII) grew 6% yoy but decreased slightly by 0.3% qoq to Baht 24.7 billion as a result of the Bank’s efforts to rebalance its loan portfolio and expand high margin lending business.

Non-NII improved 10% qoq mainly driven by an increase in trading & FX income. Moreover, resumption of positive net insurance premium also contributed to strong non-NII for this quarter.

Operating expenses rose 10% yoy and 11% qoq to Baht 17.8 billion due to a one-time increase in personnel-related expenses of Baht 1.4 billion to comply with the amended labor law. Excluding the one-time expenses, the cost-to-income ratio would be 47.5% which is lower than 47.7% in the previous quarter. Overall, the Bank’s expense growth, excluding the one-time expense, was well contained at merely 1% yoy and 2% qoq.

In the first quarter of 2019, asset quality continued to strengthen with a decline in non-performing loans (NPLs) and further improvement in NPL ratio to 2.77% from 2.85% in the previous quarter. In light of the additional provisions provided in the last quarter, the Bank set aside Baht 5.4 billion of provisions or 102 bps in credit cost to ensure an adequate level of buffer against the current growth momentum. NPL coverage ratio also strengthened to 152.8% compared with 146.7% in the previous quarter and the Bank’s capital adequacy ratio remained strong at 17.1%.

Arthid Nanthawithaya, Chairman of Executive Committee & CEO, stated:

“Despite the impact from one-time staff costs to comply with the amended labor law, the Bank’s core business engines remain resilient with great potential to strengthen further as benefits from the Transformation Program continue to be realized and more customers migrate to digital platforms. We are currently in the phase of monetizing the Transformation Program and reaping productivity gains from digitization which will drive revenue enhancement from new businesses and further reduce operational expenses over time. The Bank also adopts an agile culture on the four pillars of customer centricity, speed, innovation and risk culture to advance toward the goal of being the Most Admired Bank.”

3 views
bottom of page