ผู้ถือหุ้น FPI โหวตลงมติจ่ายปันผลอัตราหุ้นละ 0.04 บาทต่อหุ้น พร้อมจ่ายเป็นเงินสดวันที่ 21 พ.ค. 2562 "สมพล ธนาดำรงศักดิ์"กรรมการผู้จัดการ เผยเดินหน้าลุยซื้อหุ้นคืนต่อเนื่อง ขณะที่ทิศทางผลประกอบการไตรมาส1/62 ส่งสัญญาณดี ตุนแบ็กล็อคกว่า 900 ล้านบาท คาดรับรู้รายได้ปีนี้ ประมาณ 430ล้านบาท สนับสนุนผลงานปีนี้เข้าเป้าหมาย
นายสมพล ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ฟอร์จูน พาร์ท อันดัสตรี้ จำกัด (มหาชน) หรือ FPI เปิดเผยว่าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2562เมื่อวันที่ 22 เมษายน 2562 โดยที่ประชุมมีมติอนุมัติให้จ่ายเงินปันผล งวดผลการดำเนินงานในวันที่ 1 กรกฎาคม 2561 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2561 อัตราหุ้นละ 0.04 บาท ทั้งนี้ มีผู้ถือหุ้นรวมจํานวนทั้งสิ้น 1,513.02 ล้านหุ้น รวมเป็นเงินปันผลจ่ายในครั้งนี้ 60.52 ล้านบาท และกําหนดการจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นภายในวันที่ 21พฤษภาคม 2562
"สำหรับการดำเนินธุรกิจในช่วงไตรมาส1/62 บริษัทมีนโยบายซื้อหุ้นคืนจำนวน 40 ล้านหุ้น คิดเป็น 2.64%ของจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนสูงสุดต่อจำนวนหุ้นที่ชำระและที่ผ่านมา บริษัทฯได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดได้ทำการซื้อหุ้นคืนไปแล้ว จำนวน 10 ล้านหุ้น คิดเป็นมูลค่าเงินที่ซื้อคืนแล้วประมาณ 23 ล้านบาท "นายสมพลกล่าว
กรรมการผู้จัดการกล่าวว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปีนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้โต 10% หรือมีรายได้ 2,200 ล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1,982.14 ล้านบาท โดยจะเดินหน้าไปยังกลุ่มตลาดใหม่ๆ ทั้งออสเตรเลีย ยุโรป สหรัฐฯ เพราะกลุ่มประเทศดังกล่าวมีความต้องการสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูง ดังนั้นทำให้บริษัทได้รับผลตอบแทนที่ดี และปีนี้จะมีปัจจัยหนุนจากโรงงานที่อินเดีย ซึ่งจะเริ่มรับรู้กำไรอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่เดือนกันยายน 2561 หลังจากที่ได้ทำสัญญา เพื่อพ่นสีให้กับค่ายรถจักรยานยนต์ของญี่ปุ่น และไต้หวัน ซึ่งได้เข้าไปลงทุนในตลาดอินเดีย นอกจากนี้ บริษัทจะเดินหน้าการรับจ้างผลิตสินค้า หรือชิ้นส่วนให้กับแบรนด์ต่างๆ (OEM) มากขึ้น ทั้งในและต่างประเทศด้วย
ขณะที่ความสามารถของอัตรากำไรสุทธิปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 10% จากปีก่อนที่ 6.33% เนื่องจากจากการบริหารจัดการต้นทุนในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ ทั้งกระบวนการชุบ กระบวนการฉีดสี ซึ่งประเมินว่าต้นทุนปีนี้น่าจะลดลงประมาณ 40-50% ส่งผลให้ความสามารถของอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบัน บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจางานของ TOYOTA ซึ่งจะเป็นรุ่นใหม่ ซึ่งบริษัทคาดว่าจะได้งานประมูล 150 ล้านบาท โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ ซึ่งคาดว่าจะได้รับความชัดเจนภายในไตรมาส 2/2562 สำหรับงานในมือ (Backlog) ปัจจุบันอยู่ที่ 900 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 430 ล้านบาท และยังคงเดินหน้าเจรจางานอย่างต่อเนื่อง ส่วนงบลงทุนปีนี้ ประเมินว่าจะใช้เงินประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อซื้อเครื่องจักรเข้ามาทดแทนเครื่องจักรเดิมที่ปลดระวาง 3 เครื่อง และการทำวิจัยและพัฒนาเพิ่ม 200 ล้านบาท