การลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังได้รับความนิยมในกลุ่มผู้ลงทุนหน้าใหม่ ยิ่งตอน
นี้หลายคนกำลังมองหารูปแบบการลงทุนใหม่เพื่อจะได้ไม่ต้องเสียภาษีดอกเบี้ยเงิน
ฝากออมทรัพย์จากการที่กรมสรรพากรมีมาตรการการตรวจสอบที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งหนึ่งใน
รูปแบบที่หลายคนกำลังสนใจก็คือการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล
จึงถึงเวลาอีกครั้งที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ
ก.ล.ต. จะต้องออกมาเตือนผู้ลงทุนที่กำลังจะเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่ง
ได้ย้ำกันอยู่เสมอว่า การลงทุนแบบนี้มีโอกาสได้รับผลตอบแทนสูงก็จริง แต่ก็มี
ความเสี่ยงสูงมากเช่นกัน บางคนศึกษาข้อมูลไม่ดีพอ ขาดความรู้ความเข้าใจ แต่กลัว
ตกขบวน จึงรีบตัดสินใจลงทุน ผลที่ตามมาคือผลตอบแทนไม่เป็นอย่างที่คิด และสูญ
เสียเงินทั้งจำนวน
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสินทรัพย์ที่เสี่ยงสูง จึงเป็นตลาดของคนที่มีความรู้และเข้าใจ เทคโนโลยีอย่างดี ไม่ใช่ตลาดของผู้ลงทุนทั่วไป หากใครคิดจะลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง อย่าหลงเชื่อโดยไม่ตรวจสอบความน่าเชื่อถือก่อน
ก.ล.ต. ได้ให้คำแนะนำว่าสิ่งที่ควรศึกษาก่อนลงทุน คือ 1) รู้จุดประสงค์ว่าผู้ระดมทุน นำเงินไปทำอะไร มีแผนธุรกิจที่ชัดเจนหรือไม่ 2) ทราบสิทธิผู้ถือโทเคนจากเอกสารการเสนอขาย (white paper) 3) ตรวจสอบว่ามีการเปิดเผย smart contract บนเว็บไซต์และสอดคล้องกับ white paper หรือไม่ 4) ตรวจสอบว่ากระเป๋าเงินดิจิทัลหรือแพลตฟอร์มที่ใช้ในการระดมทุนรัดกุม น่าเชื่อถือ ไม่มีข่าวว่าถูก hacked เป็น fraud หรือ scam
สำหรับข้อควรระวังที่ควรทราบก่อนลงทุน คือ 1) ระวังถูกหลอกลวงจากต่างประเทศ หาก
ธุรกิจไม่มีข้อมูลให้ตรวจสอบเพียงพอ ผู้ลงทุนอาจตกเป็นเหยื่อกลโกงทางออนไลน์ได้
ง่าย มิจฉาชีพอาจเข้ามาหลอกลวงโดยแฝงมาเป็นผู้ต้องการระดมทุน และผู้ลงทุนอาจมี
ข้อจำกัดในการได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายหรือการดำเนินการทางกฎหมายในต่าง
ประเทศ 2) หากดิจิทัลโทเคนที่ลงทุนไว้ไม่ได้รับความนิยม อาจซื้อขายเปลี่ยนมือ
ได้ยาก 3) ระวังเป็นธุรกิจล้มเหลว เนื่องจากการลงทุนใน ICO มักเป็นการลงทุนใน
โครงการที่ก่อตั้งใหม่ จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะล้มเหลว 4) ระวังคำโฆษณาชวนเชื่อ
ต่าง ๆ อาทิ “รับประกันผลตอบแทน” “โอกาสสุดท้าย” “ไม่รีบตัดสินใจ จะพลาดโอกาส
ทอง”
นอกจากนี้ ยังมีสิ่งที่ต้องตระหนักไว้อีกประการหนึ่ง คือ มีการเข้าใจว่า ก.ล.ต.
จะเข้าไปรับรองคริปโทเคอเรนซี่ อย่างเช่น Bitcoin หรือ Ether ซึ่งความจริงแล้ว
การซื้อขายเงินดิจิทัลไม่ได้อยู่ในขอบเขตการดูแลของ ก.ล.ต. ขอบเขตการกำกับดูแล
ของ ก.ล.ต. จะอยู่ที่การทำ ICO ที่มีลักษณะเข้าข่ายเป็นการเสนอขายหลักทรัพย์
เท่านั้น
สิ่งที่ยังได้ยินอยู่บ่อย ๆ จึงต้องย้ำเตือนกันอีกครั้ง คือ ผู้ลงทุนอาจตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง หรือแชร์ลูกโซ่ โดยผู้ชักชวนมักอ้างผลตอบแทนสูง เพื่อเร่งรัดการตัดสินใจ นอกจากนี้ ยังพบว่ามีผู้หลอกลวงประชาชนโดยอ้างสินทรัพย์ดิจิทัล ตามที่ปรากฏข่าวว่ามีประชาชนถูกหลอกให้ลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัลผ่านเว็บไซต์ และโซเชียลมีเดีย โดยอ้างว่าเป็นบริษัทรับขุดเหรียญดิจิทัล ซึ่งเป็นสาขาจากต่างประเทศ และมีที่ตั้งอยู่ในไทย
สำหรับใครที่ต้องการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล ก.ล.ต. ก็ได้จัดทำไมโครไซต์เพื่อเผยแพร่ข้อมูลความรู้เกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลเบื้องต้น
สำหรับประชาชนโดยใช้ภาษาที่เข้าใจง่าย สะดวกในการค้นหาข้อมูล แบ่งเป็น 4 เมนู
หลัก รู้เขา รู้เรา รู้ระวัง และรู้จักบทบาท ก.ล.ต. เข้าไปดูกันได้ที่ https://
เสี่ยงสูง.com