
Interview: ดร.สุมาลี ว่องเจริญกุล เลขาธิการสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว
ธุรกิจท่องเที่ยวไทยครึ่งปีแรกโตติดลบ 7-9% เหตุนทท.จีนยังติดภาพเหตุการณ์เรือล่มที่ภูเก็ต ผู้ประกอบการยอมรับมาตรฐานด้านความปลอดภัยของไทยต่ำกว่าคู่แข่ง ยังดีที่ท่องเที่ยวไทยมีจุดแข็งเรื่องราคาที่ถูกกว่า อาหาร แหล่งท่องเที่ยวและบริการเป็นแม่เหล็กดึงดูด นทท.จีนเป็นหลัก โดยระยะหลัง นทท.จีน กลุ่มไฮเอนด์เข้ามาเที่ยวกันเองแบบไม่ผ่านบริษัททัวร์มากขึ้น และพักหรู อยู่ดี กินแพง ช็อปกระจาย ส่วน นทท. ต่างชาติที่กำลังมาแรงสุดคืออินเดีย ตามมาติดๆ คือเวียดนามและไต้หวัน ผู้ประกอบการท่องเที่ยวไทยขาตั้งสู้ ทำทุกทางเพื่อกระตุ้นให้ นทท.ต่างชาติมาไทยมากขึ้น แต่จะให้ดี ภาครัฐต้องนำทีมผนึกกำลังร่วมกับภาคเอกชน จึงจะได้ผลจริงจังและยั่งยืน
บรรยากาศการท่องเที่ยวไทยเป็นอย่างไรบ้าง
หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อปีที่แล้วถือว่าเป็นช่วงที่ซบเซา แต่หลังจากนั้นมามีการกระตุ้นเศรษฐกิจในภาคอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในรูปแบบต่างๆ ทำให้ในไตรมาสแรกปีนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาในประเทศไทยมากขึ้น มากกว่าไตรมาสสุดท้ายของปีที่แล้ว แต่ถ้าเทียบกันแล้ว จากสถิติสมาคม ซึ่งเรามีสถิตินักท่องเที่ยวที่เข้ามาเป็นกรุ๊ปที่สนามบินสุวรรณภูมิและสนามบินดอนเมือง พบว่าอัตราส่วนของนักท่องเที่ยวในเดือนเดียวกันของปีนี้กับปีที่แล้วยังมีข้อมูลติดลบอยู่ คือถ้าเทียบเดือนเดียวกันของปีที่แล้วกับปีนี้ยังติดลบอยู่ประมาณ 7-9%
แต่ถ้าถามถึงการท่องเที่ยวจีนหลังจากเกิดเรื่องมากมายก็ดีขึ้นมาเรื่อยๆ มีแนวโน้มดีขึ้น เพราะในปีนี้การท่องเที่ยวของเราคาดหวังว่ามีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามามากกว่าปีที่แล้ว
จีนกำลังเผชิญสงครามการค้า อเมริกาตั้งกำแพงภาษี คิดว่ากระทบไหม นักท่องเที่ยวจีนอาจจะเดินทางออกนอกประเทศน้อยลง
ตามที่เราวิเคราะห์จากประสบการณ์ที่เราเป็นผู้ประกอบการและเป็นสมาคม หลักๆ นักท่องเที่ยวจีนยังเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ณ เวลานี้ แม้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ยังเป็นตลาดหลัก ส่วนผลกระทบจากสงครามการค้า ช่วง 2-3 เดือนนี้อาจจะยังไม่กระทบมาก เนื่องจากการวางแผนมาเที่ยวประเทศไทยเป็นการดำเนินการล่วงหน้า เพราะฉะนั้นเดือนกรกฎาคมและสิงหาคมของจีนเป็นช่วงซัมเมอร์ นักท่องเที่ยวยังคงเดินทางเข้ามาประเทศไทย เพราะวางแผนล่วงหน้ากันไว้แล้ว
แต่ความตึงเครียดของสงครามการค้าตรงนี้ยังไม่ถึงจุดที่สิ้นสุด ประกอบกับปัญหาเศรษฐกิจในจีน ไม่มากก็น้อยจะกระทบต่อการท่องเที่ยวของเราอย่างแน่นอน ขึ้นอยู่กับว่าภาครัฐและเอกชนในไทยจะมีการกระตุ้นหรือมีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนกลับมาได้อย่างไร อันนี้เป็นอีกเรื่องที่ภาครัฐและเอกชนต้องวางแผนร่วมมือกัน เช่น ปัจจุบันมาตรการฟรี VOA (Visa on Arrival) ที่ให้ประเทศต่างๆเข้ามา Visa on arrival ก็เป็นมาตรการอย่างหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นยอดการท่องเที่ยวได้
ถือว่าช่วยได้เยอะ
มากเลย เพราะอย่างน้อยลักษณะการท่องเที่ยวในประเทศไทยและรวมทั้งทั่วโลกเปลี่ยนไป ตอนนี้นักท่องเที่ยวเปลี่ยนวิธีการท่องเที่ยว ไม่ได้มาเป็นบริษัททัวร์กรุ๊ปแบบในอดีตที่ผ่านมา โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนมีจำนวนมากที่มาลักษณะ FIT (Foreign Individual Tourism) คือมาท่องเที่ยวกันเอง 2-5 ท่าน มาแบบครอบครัว ซึ่ง FIT ส่วนใหญ่จะมาทำ Visa on Arrival ที่สนามบิน ดังนั้นเราดึงดูดกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างมาก รวมทั้งประเทศอื่นที่ได้อานิสงส์ ถือว่าทุกคนมีความสุขที่เข้ามาในประเทศไทยแล้วไม่ต้องเสียค่าวีซ่า
นักท่องเที่ยวจีนที่มาทุกวันนี้คุณภาพเป็นอย่างไร กำลังซื้อ กำลังใช้จ่าย เป็นอย่างไร
อย่ามองข้ามนักท่องเที่ยวจีน ณ วันนี้คนจีนเป็นนักท่องเที่ยวระดับไฮเอนด์ที่เข้ามาในประเทศไทยแบบกรุ๊ป Incentive รวมถึงกรุ๊ปดูงานต่างๆ พวกนี้เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ พักโรงแรม 5 ดาว และในกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็น FIT กลุ่มพวกนี้ก็เป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อ ด้วยจำนวนประชาการของนักท่องเที่ยวจีนที่มีจำนวนมาก ที่เราเห็นภาพจนชินตาอาจจะมาเป็นกรุ๊ปในราคาที่ถูก แต่ในมุมมองที่เราไม่เห็นอีกมากมายที่เช่าเครื่องบินส่วนตัวมาพักโรงแรม 5 ดาวระดับหรู
ส่วนจุดหนึ่งที่ไม่น่ากังวลเกี่ยวกับนักท่องเที่ยวจีนเนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีต้นทุนที่ดี ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ ค่าใช้จ่ายไม่สูงมากเมื่อเทียบกับประเทศอื่น และการบริการที่ประทับใจของเรา เรื่องรอยยิ้ม เรื่องความอ่อนโยน และความทันสมัยของศูนย์กลางทางการช็อปปิ้ง วัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์ และความสวยงามของธรรมชาติ เหล่านี้ยังดึงดูดนักท่องเที่ยวจีนให้เข้ามาประเทศไทยได้ แต่ปัญหาภายในของเขาเรื่องเศรษฐกิจ สงครามการค้า ก็มีผลต่อการตัดสินใจการใช้เงินของประชากรจีน
ก็อยากฝากถึงภาครัฐว่ามีมาตรการที่สามารถช่วยให้พวกเราที่อยู่ในวงการท่องเที่ยวได้ ก็ควรทำ หลังจากที่เกิดอุบัติเหตุเมื่อปีที่แล้วตอนนั้นพวกเราก็อยู่ในสถานะที่ลำบากมาก เราทำทุกอย่างเพื่อให้ทางประเทศจีนทราบว่าเรายังสนใจและแคร์นักท่องเที่ยวจีน แม้กระทั่งงานข้าวเหนียวมะม่วงที่ได้จัดไปเพื่อแสดงออกว่านักท่องเที่ยวจีนยังเป็นที่ต้องการของประเทศไทยมาก แต่ตอนนี้ไม่ใช่จีนจะเป็นลูกค้าหลักของเราเท่านั้น ที่จริงแล้วนักท่องเที่ยวชาติอื่นก็เข้ามา เช่น ตลาดอินเดียเป็นที่น่าสนใจและน่าจับตามอง นักท่องเที่ยวอินเดียเป็นเป้าหมายของคนไทย และที่เรามองข้ามไม่ได้คือเวียดนาม ไต้หวัน ที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาประเทศไทยเพิ่มขึ้น ตอนนี้เราอยากให้ภาครัฐช่วยท่องเที่ยวด้วยการสนับสนุนทุกตลาด อย่างสมาคมเราจะมีกรรมการรับผิดชอบประเทศต่างๆ อาเซียน ยุโรป ซึ่งยุโรปก็มองข้ามไม่ได้ถึงแม้จำนวนจะมาน้อย แต่การใช้จ่ายในประเทศไทยกลุ่มนี้เป็นแบบ Long Stay ใช้ชีวิตในประเทสไทย 15 วัน-1 เดือน
ทางสมาคมเรามีงบประมาณสนับสนุนให้กรรมการที่รับผิดชอบแต่ละตลาดทำการตลาดเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาในประเทศไทยให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ อย่างเร็วๆนี้สมาคมจัดทำโรดโชว์ไปในประเทศจีน ไปเมืองเซี่ยเหมิน เมืองหนานชาง และ เมืองหนานซา บางครั้งเราจะไม่ได้ทำที่เมืองใหญ่อย่างที่ททท.ทำ เนื่องจากบางครั้งเราก็ร่วมมือกับททท. แต่บางครั้งเราอยากกระจายไปที่เมืองรองของประเทศจีนให้รู้จักประเทศไทยมากขึ้น อย่างเมืองเซี่ยเหมินอยู่ในมณฑลฝูเจี้ยน หนานชางอยู่ในมณฑลเจียงซี หนานซาอยู่ในมณฑลหูหนาน ซึ่งมณฑลเหล่านี้มีเครื่องบินบินตรงเข้ามาในประเทศไทย ภาคเอกชนก็เต็มที่ อยู่ที่ภาครัฐแล้วว่าจะมีอะไรซัพพอร์ตตรงนี้ได้
เรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญ ลบภาพตรงนี้ได้ยัง
คำว่าทัวร์ศูนย์เหรียญจริงๆไม่ได้มีเฉพาะตลาดจีน แต่ปัจจุบันเราเปลี่ยนการทำ สมัยก่อนเราจะได้ยินประจำว่าบังคับลูกค้าชอปปิ้งเพื่อเอามาเป็นค่าใช้จ่ายเฉลี่ยเป็นรายบุคคลได้ แต่ปัจจุบันเราไม่ได้ทำในลักษณะนั้น คือลูกค้าจะซื้อก็ได้ไม่ซื้อก็ได้ แต่ถามว่าเราขายไหมก็ยังขายอยู่ ยังมีการขาย แต่ไม่บังคับว่าคุณจะต้องซื้อ ก็เปลี่ยนรูปแบบไป คุณมาที่นี่คุณต้องเข้าร้านจะซื้อก็ได้ไม่ซื้อก็ได้ แต่ด้วยสิ่งที่เราแก้ไขกันมาทำให้นักท่องเที่ยวมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้น ไม่เหมือนสมัยก่อนที่เราทราบว่าต้องบังคับกัน
ค่าเงินบาทที่แข็งมีผลต่อนักท่องเที่ยวจีนบ้างไหม
ก็มี เพราะเมื่อค่าเงินบาทแข็งตัว เวลานักท่องเที่ยวจะซื้ออะไรก็คิดแล้วคิดอีก ถามว่ามากไหมก็ไม่ได้แข็งเหมือนอย่างสมัยก่อนที่เงินหยวนไม่ได้มีมูลค่าขนาดนี้ หลังจากที่เงินบาทขึ้นไปถึงเงินหยวน 5-6 บาท ก็กระทบบ้าง พอวันนี้กว่า 4 บาท ถือว่าไม่ถึงขั้นเลวร้ายมาก
การประกันนักท่องเที่ยวเป็นอย่างไร
การประกันนักท่องเที่ยวเราทำอยู่แล้ว ทุกกรุ๊ปที่เข้ามาในประเทศไทยทำอยู่แล้ว ตอนนี้สภาอุตสาหกรรมร่วมมือกับหลายสมาคมรวมทั้งสมาคมเราที่อยู่ในคณะกรรมการที่ทำงานเรื่อง Safety เพราะสถานทูตจีนบอกว่าความปลอดภัยเป็นเรื่องสำคัญที่สุด ต้องยอมรับว่าเรื่องความปลอดภัยของเราเมื่อเทียบกับที่อื่นแล้ว ที่อื่นมีมาตรฐานสูงกว่าเรา ทางสถานทูตมักจะพูดถึงเรื่องนี้เสมอ ไม่ใช่ว่าภาครัฐไม่ทำ แต่เราอยู่ในส่วนภาคเอกชน เราได้รวมตัวทำโครงการ Safety ไม่ว่าจะเป็นทางน้ำ ทางเรือ ทางบก แต่ประกันเราซื้อออยู่แล้วเมื่อรับทัวร์ทุกกรุ๊ป ยกเว้นนักท่องเที่ยวที่แบ็กแพ็คมาเอง เราไม่สามารถทำอะไรกับลูกค้ากลุ่มนี้ได้ เพราะทุกอย่างตอนนี้ทาง OTA ออนไลน์มาเอง ไม่ได้อยู่ในความดูแลของบริษัททัวร์ของเรา
ในหมู่ของผู้ประกอบการมีการเตรียมตัวรับมือกับวิกฤตนักท่องเที่ยวจีนที่อาจมาน้อยลงอย่างไร
ตอนนี้ต่อให้ไม่มีสงครามการค้า ในฐานะที่เราเป็นผู้ประกอบการบริษัททัวร์ที่รับจีน เราทำใจไปได้เยอะแล้ว เพราะตอนนี้ลูกค้าไม่ได้มาในลักษณะกรุ๊ปทัวร์ ทุกวันนี้อัตราส่วนที่ลูกค้ามาเอง มีมากกว่า 30% แล้ว ตอนนี้กรุ๊ปทัวร์เหลือ 70% ซี่งอีกหน่อยก็ไปถึง 50% ทุกวันนี้ผู้ประกอบการทำใจได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะผู้ประกอบการทัวร์จีน เราเจออะไรมามากมาย ล้มลุกคลุกคลานตลอดเวลา ซึ่งเราก็ทำใจอยู่แล้วว่าเศรษฐกิจจีนมีปัญหา และยิ่งเกิดสงครามการค้าความตึงเครียดจะเพิ่มระดับมากขึ้น ถามว่าเรามีความหวังไหม เรามีความหวังอยากให้ภาครัฐออกนโยบายหรือมาตรการที่แรง ซึ่งเราเป็นภาคเอกชนยินดีให้ความร่วมมือ เพราะถ้าภาครัฐสนับสนุนและเราไปด้วยกัน คือถ้าได้เท่าไหร่เราก็ยอมรับ ดีกว่าไม่ทำอะไรเลย ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือเอกชน แต่เรื่องที่ไม่น่ากังวลอีกเรื่องเนื่องจากถ้าดูตามสถิติประเทศไทยยังเป็นประเทศที่คนจีนยังต้องการเข้ามาท่องเที่ยวมากกว่า 1 ครั้ง
ถ้าจะช่วยเสนอนโยบายให้รัฐบาลทำ 1-2 เรื่อง อยากให้ทำอะไรบ้าง
ณ ตอนนี้อาจจะยังตอบไม่ได้ อย่างฟรี VOA เราแฮปปี้มาก อย่างมาตรการของภาครัฐจะให้คิดทันทีคงไม่ออก แต่ที่ผ่านมาภาครัฐมีประสบการณ์ อยากให้ภาครัฐเชิญผู้ประกอบการหรือเอกชนเข้าไปร่วมกันตรวจสอบ คือบางทีการทำงานภาครัฐเป็นแบบในแนวรัฐ ในฐานะเราเป็นเอกชนเป็นนักธุรกิจอยากให้ภาครัฐให้โอกาสเรามีส่วนร่วมนี้ได้ อาจจะเป็นตัวแทนกลุ่มต่างๆ ที่มีประสบการณ์ตรงได้เข้าไปร่วมแก้ปัญหาไปตามจุด เพราะแต่ละตลาดมีความไม่เหมือนกันและเหมือนกัน เพราะฉะนั้นบางทีแก้ไขภาพรวมภาพเดียวไม่ได้ ควรจะแยกเป็น section ว่ายุโรปเป็นสไตล์นี้ จีน อินเดีย เวียดนาม เป็นแบบนี้
ที่บอกว่าสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีนกรุ๊ปน้อยลงมาเหลือ 70% ในธุรกิจนี้เป็นบริษัททัวร์ของคนไทยแท้เยอะไหม
อันนี้ไม่ใช่เฉพาะจีน แต่ทุกตลาด ตอนนี้ยอมรับว่าโซเชียล มีเดียทันสมัยมาก ในฐานะเราเป็นผู้ประกอบการไทยไม่ได้มีความสุขตรงนี้ เพราะนักท่องเที่ยวจองเองทุกอย่างเสร็จหมดแล้ว โดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย ซึ่งก็เกินกำลังในฐานะที่เราเป็นแค่ผู้ประกอบการหรือสมาคมที่จะแก้ปัญหาตรงนี้ คิดว่ารัฐก็ทราบอยู่แล้ว ก็พยายามแก้ปัญหาตรงนี้
ในส่วนการแข่งขัน เช่นนักท่องเที่ยวไปตลาดอื่นมากกว่าไทย หันไปญี่ปุ่น ยุโรป ของไทยยังมีจุดอะไรที่ดึงดูดเขากลับมา
ตรงนี้ไม่ค่อยหวั่น ยุโรปก็ดี ญี่ปุ่น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ตัวจริงของเรา แต่กลัวอย่างเดียวคือกลัวประเทศจีนกลัวคว่ำบาตร คือจีนนั้นลัทธิชาตินิยมเขารุนแรง เป็นสิ่งที่กลัวที่สุด ในฐานะที่เราเป็นประเทศไทยไม่ห่วงเพราะยุโรปค่าใช้จ่ายสูง อย่างจะไปญี่ปุ่นก็ค่าใช้จ่ายสูง มาประเทศไทยคุณได้อะไรที่ไม่แพง ดีและถูกใจ มีบริการหลากหลาย ไม่หวั่นเรื่องนี้ แต่จะกลัวเรื่องชาตินิยม ถ้าจีนบอกว่าจะไม่ไปประเทศนั้นประเทศนี้ อันนี้น่ากลัวมาก