§ การส่งออกของไทยไปยังตลาดหลักต่างๆ นอกจากจะเผชิญแรงกดดันจากสงครามการค้าที่มีทีท่าจะลากยาวต่อเนื่องไปตลอดปี การส่งออกสินค้าไทยไปสหภาพยุโรป (EU) ก็ยังต้องเสี่ยงกับการสูญเสียพื้นที่ตลาดให้แก่ประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นอีกในระยะอันใกล้ โดย ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า เมื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ได้สำเร็จ การเร่งผลักดันให้เกิด FTA ระหว่างไทยกับ EU เป็นแผนงานที่ควรให้ความสำคัญในลำดับแรกๆ เพื่อช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันให้กับสินค้าไทยในการทำตลาดที่มีกำลังซื้อสูงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก ซึ่งกรอบระยะเวลาการเจรจา FTA จนกระทั้งนำไปสู่การเปิดเสรีอาจมีผลต่อเส้นทางการพัฒนาการผลิตแห่งอนาคตในไทยที่ต้องจับตาอย่างมาก
§ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า หาก FTA ระหว่างไทยกับ EU เปิดเสรีได้สำเร็จจะประหยัดค่าภาษีนำเข้าไป EU ได้ปีละ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ช่วยเปิดตลาดโอกาสให้แก่สินค้าใหม่ของไทยในกลุ่มอาหารแปรรูป ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และยานยนต์ รวมทั้งหนุนให้ไทยให้กลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดการลงทุนระรอกใหม่ที่ใช้เทคโนโลยีสูงขึ้นในกลุ่ม ICs แผงวงจรไฟฟ้า ไดโอท เซมิคอนดักเตอร์ และชิ้นส่วนยานยนต์ จนกระทั่งพัฒนาห่วงโซ่การผลิตให้สามารถรองรับการผลิตสินค้าเทคโนโลยีขั้นสูงได้มากขึ้นในระยะข้างหน้า อันจะช่วยเพิ่มโอกาสให้ไทยก้าวไปเป็นศูนย์กลางการผลิตเทคโนโลยีที่ใช้นวัตกรรมแห่งอนาคตของภูมิภาคได้อีกด้วย
Source: ศูนย์วิจัยกสิกรไทย