บีทีเอสส่งหนังสือถึง 7 หน่วยงานรัฐ ย้ำเกณฑ์ประมูลคัดเลือก “สายสีส้ม” ต้องยึดมติ ครม.ที่ถูกต้องให้ตัดสินผู้ชนะที่ราคา ยันเดินหน้าคัดค้านและโต้แย้งหากใช้คะแนนเทคนิครวมกับราคา ชี้คดีฟ้อง รฟม.และกก.คัดเลือก 7 คน ศาลปกครองยังพิจารณาไม่สิ้นสุด
บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) แจ้งว่า บริษัทได้ส่งหนังสือไปยัง 7 หน่วยงานรัฐได้แก่ สำนักงบประมาณ, กรรมการและเลขานุการคณะกรรมการคัดเลือก, กรรมการผู้แทนกระทรวงคมนาคมในคณะกรรมการคัดเลือก, กรรมการผู้แทนสำนักคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจในคณะกรรมการคัดเลือก, ประธานคณะกรรมการคัดเลือก, กรรมการผู้แทนสำนักอัยการสูงสุดในคณะกรรมการคัดเลือก และกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการคัดเลือก อีกเป็นครั้งที่ 3 โดยมีเนื้อหาเกี่ยวกับประเด็น “การดำเนินการคัดเลือกโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม” ซึ่งก่อนหน้านี้ ได้มีการแก้ไขหลักเกณฑ์การประเมินผู้ชนะการคัดเลือกโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และขัดมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยหลักเกณฑ์การประเมินการคัดเลือกเอกชนให้ได้ผู้ชนะการคัดเลือกที่ถูกต้องนั้น รัฐต้องได้ผลประโยชน์ตอบแทนทางการเงินที่ดีที่สุด หรือมีการขอรับเงินสนับสนุนทางการเงินจากภาครัฐน้อยที่สุด
ดังนั้น เพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ของการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน ตามที่บัญญัติไว้ในมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน พ.ศ. 2562 บริษัทจึงได้ทำหนังสือแจ้งไปยัง 7 หน่วยงานรัฐว่า กระบวนการประกวดราคาของโครงการ ต้องเป็นตามมติของคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2563 และกระบวนการที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้ดำเนินการประมูลเดิม (เกณฑ์ประมูลที่ต้องพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคก่อน หากผู้ยื่นข้อเสนอได้คะแนนด้านเทคนิคไม่น้อยกว่า 70% จึงจะได้รับการพิจารณาข้อเสนอด้านราคาต่อไป และใครเสนอราคาต่ำสุดก็จะเป็นผู้ชนะการประมูล) ซึ่งอยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย และนำมาสู่การเสนอร่างประกาศเชิญชวน ต่อคณะกรรมการคัดเลือกเพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ
ทั้งนี้ หากคณะกรรมการคัดเลือกการประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ยังมีการแก้ไขหลักเกณฑ์การประเมินผู้ชนะการคัดเลือก ด้วยการใช้คะแนนจากซองเทคนิคมาพิจารณาร่วมกับซองราคา ทางบริษัทขอโต้แย้งและคัดค้าน เพราะคดีที่ยื่นฟ้องการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการคัดเลือก รวมถึงเจ้าพนักงานที่ดำเนินกระบวนการคัดเลือกเอกชนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มจำนวน 7 คน ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองและยังไม่สิ้นสุด และศาลปกครองกลางได้เคยมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวว่ามิให้ใช้บังคับ เนื่องจากมีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย และไม่มีบทบัญญัติตามกฎหมายมาตราใดกำหนดให้ดำเนินการดังเช่นว่านั้นไว้ บริษัทจึงหวังเป็นอย่างยิ่งที่จะเห็นการดำเนินการโครงการนี้เป็นไปอย่างถูกต้อง มีความโปร่งใสและนำไปสู่การแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม ทำให้รัฐและประเทศชาติได้ประโยชน์สูงสุดต่อไป
Bình luận