Mar 4, 20201 min readFed ลดดอกเบี้ยลง 50bps นอกรอบการประชุม เป็นครั้งแรกตั้งแต่วิกฤตปี 2008Source: TISCO Economic Strategy Unitสหรัฐฯ: Fed ลดดอกเบี้ยลง 50bps เป็น 1.00-1.25% นอกรอบการประชุม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วิกฤตปี 2008 สะท้อนการระบาดของ COVID-19 ที่มีแนวโน้มจะกระทบเศรษฐกิจรุนแรงกว่าที่ได้ประเมินไว้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 50bps เป็น 1.00-1.25% ซึ่งนับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยนอกรอบการประชุมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 สะท้อนเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาดของ COVID-19 และเกินกว่าที่ได้ประเมินไว้แถลงการณ์ Fed ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง แต่การระบาดของ COVID-19 ได้เป็นความเสี่ยงที่จะกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากความเสี่ยงดังกล่าวและเพื่อหนุนการจ้างงานและรักษาเสถียรภาพของราคา คณะกรรมการ Fed จึงเห็นควร (อย่างเป็นเอกฉันท์) ที่จะปรับลดดอกเบี้ยลง โดยคณะกรรมการจะคอยจับตาพัฒนาการและผลกระทบจากการระบาดของไวรัสต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดต่อไป และจะใช้เครื่องมือที่มีและดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจนาย Jerome Powell ประธาน Fed กล่าวในแถลงการณ์ว่า Fed ทราบดีว่าการลดดอกเบี้ยจะไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสลงและไม่สามารถซ่อมแซมห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบได้ แต่เชื่อว่าการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวจะสามารถหนุนเศรษฐกิจโดย Fed ระบุว่าแม้การระบาดของไวรัสจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทางตรง แต่การใช้มาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส ทั้งการปิดโรงเรียนและบริษัท การยกเลิกงาน event ต่างๆ รวมถึงการลดการพบปะผู้คน เช่น ลดการใช้คมนาคมขนส่งต่างๆ และงดรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร จะส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งผลกระทบดังกล่าวแม้จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็ไม่สามารถทราบแน่ชัดได้ว่าจะลากยาวไปจนถึงเมื่อไหร่และจะกระทบเศรษฐกิจมากน้อยขนาดไหนนอกจากนี้ Fed ระบุว่าการปรับลดดอกเบี้ยแม้จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด แต่ก็จะช่วยลดทอนผลกระทบต่อการใช้จ่ายและความเชื่อมั่น ลดความผันผวนในตลาดเงิน และช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเมื่อการระบาดของไวรัสสามารถควบคุมได้แล้วการปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 50bps ทั้งยังดำเนินการนอกรอบการประชุม นับเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายอย่างมาก โดยเรามองการปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ สะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างมากและเกินกว่าที่มีการประเมินไว้ เนื่องจาก Fed มักจะดำเนินการดังกล่าว (ลดดอกเบี้ยนอกรอบการประชุม) เฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มแย่ลงอย่างมากดังเช่นในปี 2008 ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงที่ผ่านมา การระบาดของ COVID-19 มีความรุนแรงขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนสร้างความกังวลและส่งผลให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างมากในสัปดาห์ก่อน ประกอบกับตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนที่ออกมาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และต่ำกว่าที่ตลาดคาดอย่างมาก ซึ่งสะท้อนได้ถึงผลกระทบจาก COVID-19 ต่อเศรษฐกิจจีนที่สูงกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้และห่วงโซ่อุปทานจะได้รับผลกระทบรุนแรง ทำให้ธนาคารกลางหลักในโลกเปลี่ยนท่าทีและส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบายกันอย่างพร้อมเพรียงสถานการณ์ COVID-19 ที่ดูแย่ลงและมีแนวโน้มลากยาวเข้าสู่ไตรมาส 2 ทำให้เรามองว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยลง 100bps เป็น 0.50-0.75% ในปีนี้ โดย 50bps ได้ปรับลดลงไปแล้วเมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) ส่วนอีก 50bps เรามองว่าน่าจะปรับลดภายในครึ่งแรกของปีส่วนธนาคารกลางหลักอื่นๆ คาดจะประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเช่นเดียวกันในการประชุมเดือน มี.ค. โดย ECB (12 มี.ค.) อาจจะมีการออกโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (TLTROs) เพื่อช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ที่จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มาก ขณะที่ BoJ (18-19 มี.ค.) อาจจะมีการพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการเข้าซื้อ ETFs ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติม (จากปัจจุบันที่ติดลบอยู่แล้ว) และการเพิ่ม QE เรามองว่ายังมีความเป็นไปได้น้อย
Source: TISCO Economic Strategy Unitสหรัฐฯ: Fed ลดดอกเบี้ยลง 50bps เป็น 1.00-1.25% นอกรอบการประชุม ซึ่งนับเป็นครั้งแรกตั้งแต่วิกฤตปี 2008 สะท้อนการระบาดของ COVID-19 ที่มีแนวโน้มจะกระทบเศรษฐกิจรุนแรงกว่าที่ได้ประเมินไว้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีมติเป็นเอกฉันท์ปรับลดดอกเบี้ยนโยบายลง 50bps เป็น 1.00-1.25% ซึ่งนับเป็นการปรับลดดอกเบี้ยนอกรอบการประชุมเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่วิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 สะท้อนเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบอย่างมากจากการระบาดของ COVID-19 และเกินกว่าที่ได้ประเมินไว้แถลงการณ์ Fed ระบุว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงขยายตัวแข็งแกร่ง แต่การระบาดของ COVID-19 ได้เป็นความเสี่ยงที่จะกดดันกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ซึ่งจากความเสี่ยงดังกล่าวและเพื่อหนุนการจ้างงานและรักษาเสถียรภาพของราคา คณะกรรมการ Fed จึงเห็นควร (อย่างเป็นเอกฉันท์) ที่จะปรับลดดอกเบี้ยลง โดยคณะกรรมการจะคอยจับตาพัฒนาการและผลกระทบจากการระบาดของไวรัสต่อแนวโน้มเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิดต่อไป และจะใช้เครื่องมือที่มีและดำเนินการอย่างเหมาะสมเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจนาย Jerome Powell ประธาน Fed กล่าวในแถลงการณ์ว่า Fed ทราบดีว่าการลดดอกเบี้ยจะไม่สามารถลดจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสลงและไม่สามารถซ่อมแซมห่วงโซ่อุปทานที่ได้รับผลกระทบได้ แต่เชื่อว่าการปรับลดดอกเบี้ยดังกล่าวจะสามารถหนุนเศรษฐกิจโดย Fed ระบุว่าแม้การระบาดของไวรัสจะไม่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในทางตรง แต่การใช้มาตรการต่างๆ เพื่อควบคุมการระบาดของไวรัส ทั้งการปิดโรงเรียนและบริษัท การยกเลิกงาน event ต่างๆ รวมถึงการลดการพบปะผู้คน เช่น ลดการใช้คมนาคมขนส่งต่างๆ และงดรับประทานอาหารที่ร้านอาหาร จะส่งผลกระทบต่อการบริโภคภาคเอกชน ซึ่งผลกระทบดังกล่าวแม้จะเป็นเพียงชั่วคราว แต่ก็ไม่สามารถทราบแน่ชัดได้ว่าจะลากยาวไปจนถึงเมื่อไหร่และจะกระทบเศรษฐกิจมากน้อยขนาดไหนนอกจากนี้ Fed ระบุว่าการปรับลดดอกเบี้ยแม้จะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุด แต่ก็จะช่วยลดทอนผลกระทบต่อการใช้จ่ายและความเชื่อมั่น ลดความผันผวนในตลาดเงิน และช่วยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจเมื่อการระบาดของไวรัสสามารถควบคุมได้แล้วการปรับลดดอกเบี้ยลงถึง 50bps ทั้งยังดำเนินการนอกรอบการประชุม นับเป็นสิ่งที่เกินความคาดหมายอย่างมาก โดยเรามองการปรับลดดอกเบี้ยในครั้งนี้ สะท้อนได้ว่าเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 อย่างมากและเกินกว่าที่มีการประเมินไว้ เนื่องจาก Fed มักจะดำเนินการดังกล่าว (ลดดอกเบี้ยนอกรอบการประชุม) เฉพาะช่วงที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มแย่ลงอย่างมากดังเช่นในปี 2008 ที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงที่ผ่านมา การระบาดของ COVID-19 มีความรุนแรงขึ้น โดยจำนวนผู้ติดเชื้อนอกประเทศจีนได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วจนสร้างความกังวลและส่งผลให้เกิดการเทขายสินทรัพย์เสี่ยงอย่างมากในสัปดาห์ก่อน ประกอบกับตัวเลข PMI ภาคการผลิตของจีนที่ออกมาต่ำสุดเป็นประวัติการณ์และต่ำกว่าที่ตลาดคาดอย่างมาก ซึ่งสะท้อนได้ถึงผลกระทบจาก COVID-19 ต่อเศรษฐกิจจีนที่สูงกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้และห่วงโซ่อุปทานจะได้รับผลกระทบรุนแรง ทำให้ธนาคารกลางหลักในโลกเปลี่ยนท่าทีและส่งสัญญาณพร้อมผ่อนคลายนโยบายกันอย่างพร้อมเพรียงสถานการณ์ COVID-19 ที่ดูแย่ลงและมีแนวโน้มลากยาวเข้าสู่ไตรมาส 2 ทำให้เรามองว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยลง 100bps เป็น 0.50-0.75% ในปีนี้ โดย 50bps ได้ปรับลดลงไปแล้วเมื่อวานนี้ (3 มี.ค.) ส่วนอีก 50bps เรามองว่าน่าจะปรับลดภายในครึ่งแรกของปีส่วนธนาคารกลางหลักอื่นๆ คาดจะประกาศผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเช่นเดียวกันในการประชุมเดือน มี.ค. โดย ECB (12 มี.ค.) อาจจะมีการออกโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (TLTROs) เพื่อช่วยเหลือกลุ่ม SMEs ที่จะได้รับผลกระทบจาก COVID-19 มาก ขณะที่ BoJ (18-19 มี.ค.) อาจจะมีการพิจารณาเพิ่มสัดส่วนการเข้าซื้อ ETFs ส่วนการปรับลดดอกเบี้ยลงเพิ่มเติม (จากปัจจุบันที่ติดลบอยู่แล้ว) และการเพิ่ม QE เรามองว่ายังมีความเป็นไปได้น้อย
Comments