PPPM หาแนวทางปลดเครื่องหมาย “C” ได้หลังแก้ไขส่วนผู้ถือหุ้นให้เข้าสู่ระดับที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดภายในเดือนมิถุนายน เพราะต่ำกว่าเกณฑ์เพียง 12 ล้านบาท โดยใช้วิธีเร่งเก็บหนี้การค้าที่มีกว่า 175 ล้านบาท และลดการสำรองภาษีสำหรับการโอนกิจการที่มากเกินไป ขณะผลประกอบการเริ่มมีแนวโน้มที่ดี ขาดทุนลดลงตั้งแต่ไตรมาส 1 เนื่องจากบริหารจัดการค่าใช้จ่ายต่ำลงกว่า 16% และควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดีขึ้น
นายวรุณ อัตถากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และประธานกรรมการบริหาร บริษัท พีพี ไพร์ม หรือ PPPM กล่าวว่า บริษัทได้จัดประชุมเพื่อชี้แจงต่อผู้ถือหุ้น นักลงทุนและผู้เกี่ยวข้อง ถึงแนวทางในการแก้ไขเพื่อปลดเครื่องหมาย C ที่ถูกตลาดหลักทรัพย์ฯ สั่งแขวนเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยเชื่อมั่นว่าภายในเดือนมิถุนายน 2563 นี้จะสามารถดำเนินการให้ส่วนของผู้ถือหุ้นเกินกว่า 50% ของทุนชำระแล้วตามเกณฑ์ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัท ณ สิ้นงวดไตรมาส 1/2563 มีจำนวน 331.78 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 48% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้วหรือต่ำกว่าเกณฑ์ที่กำหนดเพียง 12 ล้านบาทเท่านั้น
บริษัทจะเร่งดำเนินการแก้ไข 2 แนวทาง คือ แนวทางแรก คือเร่งติดตามลูกหนี้การค้าที่มีจำนวน 175 ล้านบาท แนวทางที่ 2 คือ ปรับลดและหาข้อสรุปเรื่องเงินสำรองภาษีสำหรับการโอนกิจการ ซึ่งบริษัทได้ตั้งสำรองในส่วนนี้มากกว่าที่จะจ่ายราว 2 เท่า
“บริษัทไม่ได้มีข้อกังวลในเรื่องของการแก้ไขเพื่อปลดเครื่องหมาย C และมีความเชื่อมั่นว่าจะแก้ไขได้ด้วย 2 แนวทางที่คิดจะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นของบริษัทจะกลับเข้าสู่ระดับเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนด”
สำหรับผลประกอบการของบริษัท เริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส 1/2563 แม้ว่าจะยังแสดงผลขาดทุนสุทธิจำนวน 6 ล้านบาท แต่นับว่าลดลงถึง 88.13% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีผลขาดทุนสุทธิ 50 ล้านบาท สะท้อนแนวทางที่ถูกต้องที่บริษัทสามารถบริหารจัดการค่าใช้จ่ายและควบคุมต้นทุนการผลิตได้ดี ซึ่งจะทำให้ผลประกอบการสามารถเปลี่ยนเป็นกำไรได้ในอนาคตอันสั้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายอดขายธุรกิจผลิตและจำหน่ายอาหารสัตว์ลดลงบ้าง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 แต่เป็นระดับที่น้อยเมื่อเทียบกับอุตสาหกรรมอื่น ๆ จากการที่ธุรกิจอาหารสัตว์เป็นธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับกลุ่มธุรกิจอาหาร ซึ่งยังมีความต้องการและความจำเป็นในการบริโภค
“คาดว่าแนวโน้มของผลประกอบการในไตรมาส 2 จะยังคงมีทิศทางที่ดีขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะมีสัญญาณที่ดีจากการเปิดประเทศของประเทศจีนที่มีความต้องการสูง รวมทั้งมั่นใจว่าจะสามารถบริหารจัดการต้นทุนและค่าใช้จ่ายได้ดี”
Comments