Interview : นพ.กฤชรัตน์ หิรัณยศิริ
ประธานกรรมการบริหาร
กลุ่มบริษัทในเครือ MTS GOLD แม่ทองสุก
‘ทองคำ’ เข้าสู่ช่วงขาลงอย่างชัดเจน เหตุจากการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 เริ่มมากขึ้น ตัวเลขเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะอเมริกาเริ่มกระเตื้องดีขึ้น บอนด์ยีลด์ปรับสูงขึ้น ดอลลาร์แข็งค่า รวมถึงมีการเทขายทองคำของ SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำรายใหญ่สุดของโลก นาทีนี้ความหอมหวนของทองคำในฐานะ Safe Haven ลดน้อยถอยลงจากปีก่อน แต่การเก็งกำไรทองคำในช่วงขาลงยังทำได้ โดยต้องเข้าเร็วออกเร็ว ดีที่สุดคือทยอยซื้อเก็บเพื่อลงทุนระยะยาว ซึ่งขณะนี้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำมากกว่าขาย ชี้...กรอบแนวรับระยะกลางอยู่ที่ 1,675 เหรียญ แนวต้านอยู่ที่ 1,750 เหรียญ แนะนักลงทุนมาร์จิ้น ต้องควบคุม-ป้องกันความเสี่ยงอย่างเคร่งครัดมากขึ้น ต้องรู้จัก Stop Loss ไม่ปล่อยให้ภาวะขาดทุนบานปลายไม่รู้จบ
มองสถานการณ์ราคาทองคำขณะนี้อย่างไร
ต้องบอกว่าทองคำในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ถูกแรงกดดันจากเรื่องของบอนด์ยีลด์ 10 ปี ของสหรัฐอเมริกาที่ปรับตัวสูงขึ้นมาโดยตลอดติดต่อกันประมาณ 3-4 สัปดาห์ จากประมาณ 1.1 ขึ้นไป 1.3 และ 1.4 ขยับเป็น 1.5 และล่าสุดขึ้นไปถึงเกือบจะแตะ 1.6 และมีการย่อเล็กน้อย
ปัญหาที่บอนด์ยีลด์ 10 ปีที่ปรับตัวสูงขึ้นมันแสดงถึงอะไร ทำไมทองคำถูกแรงเทขาย ตรงนี้มันบ่งบอกถึงภาวะเงินเฟ้อว่าน่าจะมาเร็วขึ้น และโอกาสที่เฟดจะปรับดอกเบี้ยจะมีมาเร็วกว่าที่คาด ตรงนี้คือสัญญาณที่ออกมาทางด้านการเงิน ก็เลยทำให้มีแรงเทขายเข้ามาในตลาดทองคำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วง 1 เดือนที่เงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้นเมื่อเปรียบเทียบกับเงินสำคัญสกุลหลักๆ ของโลกประมาณ 6 สกุล แข็งค่าขึ้นตลอด และก็จะเห็นการอ่อนค่าของเงินบาท ตรงนี้ก็เลยกดดันเหมือนกันที่จะทำให้ราคาทองคำร่วงลงมา เป็น 2 ปัจจัยหลักๆ คือบอนด์ยีลด์ และค่าเงินดอลลาร์
สุดท้ายก็คือแรงเทขายจาก SPDR ซึ่งเป็นกองทุนทองคำรายใหญ่ที่สุด ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ SPDR ขายตลอดเลย ขายออกประมาณ 70 ตันในเดือนเดียว และเดือนมีนาคมก็ยังมีการขายต่อเนื่อง ก็เป็นแรงที่กดดันราคาทองคำให้ลงมาในช่วงนี้ ทำให้ราคาทองคำหลุด 25,000 บาทต่อน้ำหนักทองคำ 1 บาทลงมา และมีบางช่วงที่ลงไปต่ำถึง 24,700 บาท
ทิศทางราคาทองคำจากนี้
การที่เด้งขึ้นกับลง ทำให้แนวโน้มตอนนี้ดูว่าขาลงน่าจะมีสูงกว่า เหตุผลหลักเพราะที่เราทราบกันดีว่าวัคซีนโควิด-19 เริ่มมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสหรัฐอเมริกาได้รับการฉีดวันหนึ่งประมาณ 1 ล้านโดสเศษๆ ฉะนั้นเขาเชื่อว่าคนอเมริกันกว่า 70% น่าจะได้รับการฉีดครบภายในปีนี้ ดังนั้น ภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาน่าจะฟื้นตัวได้เร็ว อันนี้เป็นประเด็นที่กดดันราคาทองคำ ส่วนประเด็นที่สอง เกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกาซึ่งจะเห็นได้ว่าตัวเลขเศรษฐกิจต่างๆ ดีขึ้นมาบ้าง อาจจะไม่มากนัก แต่ดูแล้วเหมือนจะฟื้นตัว ไม่ว่าจะกำลังซื้อหรือคนตกงานที่น้อยลง ตรงนี้ก็ส่งผลให้ดอลลาร์แข็งค่า ฉะนั้นประสิทธิภาพของทองคำในความเป็น Safe Haven ในช่วงปีนี้ดูน่าจะน้อยลงกว่าปีที่แล้วเยอะ เพราะโควิด-19 น่าจะควบคุมได้แล้ว
ทองคำคงไม่ใช่ปีทอง และอาจจะไม่ได้เห็นขาขึ้นอีกนาน
อย่างไรก็ดี เคยบอกไว้ว่าทองคำเป็นเรื่องของ Investment Factor และเป็นภาวะ New Normal ฉะนั้น นักลงทุนไม่จำเป็นต้องรอซื้อในช่วงขาขึ้นเพียงอย่างเดียว ตอนนี้ถ้าเรามีความมั่นใจว่าเป็นขาลง เราจะทำกำไรในช่วงขาลงของทองคำก็ได้ ฉะนั้น ทองคำจึงเป็นสินทรัพย์ที่ค่อนข้างที่จะมีความอ่อนไหว หรือมีการปรับตัวได้เร็วทั้งขาขึ้นและขาลง ฉะนั้นในช่วงนี้ แนะนำนักลงทุนให้เก็งกำไรในเชิงทิศทางขาลงมากกว่าขาขึ้น
หลายเดือนมานี้ นักลงทุนไทยที่เล่นทอง เขาเล่นถูกทิศถูกทางหรือไม่
น่าจะเห็นได้ว่ามันมากันกว่าครึ่งๆ โดยเฉพาะตลาด TFEX ก็จะมีทั้งผู้ซื้อผู้ขายที่แลกหมัดกันไปตลอด แล้วปริมาณการซื้อขายก็ค่อนข้างหนาแน่นโดยเฉพาะในช่วงที่ทองคำเหวี่ยง ก็ต้องบอกว่ามีทั้งผู้ที่เล่นถูกทางและมีผู้ที่เล่นผิดทางเหมือนกัน เพราะลักษณะของตลาด TFEX บ้านเรา เป็นลักษณะของผู้ซื้อกับผู้ขายมาพบกัน โดยมีตลาดเป็นตัวกลาง
ตอนนี้ถ้าเป็น TFEX ก็คือเงินมาร์จิ้นอะไรต่างๆ เขาปรับลดลงไปให้แล้วใช่ไหม
ก็มีการปรับลดลงมาตามสภาพ เพราะราคาอ่อนตัวลง ฉะนั้น ตอนนี้เรียกว่าการลงทุนอยู่ในสภาวะที่นักลงทุนเข้าใจมากขึ้น มีความสมดุลมากขึ้น เพียงแต่ในช่วงที่ปรับตัวจะเห็นได้ว่านักลงทุนที่ซื้อทองคำแท่งเก็บก็จะมีการเริ่มเข้าซื้อค่อนข้างมาก ฉะนั้นช่วงตั้งแต่ปลายเดือนกุมภาพันธ์ทองคำก็ค่อนข้างที่จะขาดตลาด เรียกว่ายังมีแรงซื้อที่หนาแน่นมาก คงจะใช้เวลาอีกสักประมาระยะหนึ่ง ก็จะเข้าสู่สภาวะปกติ
ตอนนี้ซื้อมากกว่าขาย หรือขายมากกว่าซื้อ
ส่วนใหญ่จะเป็นคนซื้อ เพราะนักลงทุนทองคำจะเป็นนักลงทุนประเภทซื้อเก็บ และถือทองคำยาว เราเรียกว่านักลงทุนระยะยาว ซึ่งก็เป็นการลงทุนที่ถูกหลัก เมื่อราคาตก นักลงทุนพวกนี้ก็จะเข้าซื้อเก็บ ซื้อในลักษณะ Dollar Average ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์ต่อนักลงทุน
กรอบราคาทองคำในระยะไม่ยาว
ในกรอบตรงนี้ ระยะกลางแนวรับของทองคำน่าจะอยู่ที่ 1,675 เหรียญต่อออนซ์ ส่วนแนวต้านจะอยู่ที่ 1,750 เหรียญต่อออนซ์ โดยภาพรวมเรายังเชื่อว่าเป็นการแกว่งตัวในกรอบทางด้านล่างโดยต่ำกว่า 1,800 เหรียญ
คนที่เล่นตั๋วทองคำ ที่ซื้อรอไว้ ทำอย่างไรดี
ต้องดูว่าต้นทุนเป็นอย่างไร และนักลงทุนมีสภาวะมาร์จิ้นครอบคลุมมากน้อยแค่ไหน ฉะนั้นในเชิงที่เรียกว่าซื้อถือรอ ถ้าเกิดผิดทาง ตรงนี้ต้องรู้จักบริหารความเสี่ยง อันนี้สำคัญในการลงทุนทองคำ ก็ไม่แตกต่างจากการลงทุนประเภทอื่นๆ ที่นักลงทุนเองก็จะต้องเข้าใจว่าความเสี่ยงอยู่ตรงไหน ทองคำจะต่างจากหุ้นตรงที่ว่ามันมีโอกาสตกได้ไปมากพอสมควรเหมือนกัน แต่ว่าไม่ได้ตกลงไปจนถึงแบบไม่มีค่าเลย ไม่เป็นแบบหุ้นบางตัว เพียงแต่เป็นการแกว่งขึ้นแกว่งลง
กรณีที่นักลงทุนใช้มาร์จิ้นอยู่ จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมาดูตัวเอง ว่ามาร์จิ้นตัวเองเพียงพอหรือไม่ แล้วมีระบบของการควบคุมความเสี่ยงหรือป้องกันความเสี่ยงอย่างไร ที่เราเรียกว่า Stop Loss อย่าปล่อยให้ภาวะขาดทุนมากเกินไปจนรับไม่ได้ ก็ต้องควบคุมนิดนึง
มีคำถามว่า ขายทองคำไปตอน 30,000 บาทต่อน้ำหนักทองคำหนึ่งบาท ตอนนี้ไปซื้อคืนได้หรือยัง
สมควรซื้อ แต่ก็ย้ำอย่างยิ่งว่า การซื้อตอนนี้เป็นลักษณะการซื้อเก็บในระยะยาวจึงจะเป็นเรื่องที่เหมาะสม ไม่ใช่การเก็งกำไรในระยะสั้น เพราะอย่างที่บอกว่าทองคำเป็นขาลงอาจจะเหมาะสำหรับนักเก็งกำไรระยะสั้นที่เข้าออกเร็ว แต่ว่าสำหรับนักลงทุนที่ซื้อเก็บ จะเป็นนักลงทุนระยะยาวซึ่งก็จะดีกว่า
Comentários