top of page
379208.jpg

'กลุ่มน้ำตาลครบุรี' ตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF)

‘กลุ่มน้ำตาลครบุรี’ ตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF)

เข้าลงทุนในกิจการโรงไฟฟ้าที่มีศักยภาพเติบโต เพื่อสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว

ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต.อนุมัติแบบไฟลิ่งเรียบร้อยแล้ว

‘กลุ่มน้ำตาลครบุรี’ หรือ KBS ผู้นำธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลแบบครบวงจร เดินหน้าจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) วงเงินไม่เกิน 2,800 ล้านบาท ชูความแข็งแกร่งของกลุ่มฯป้อนวัตถุดิบเพื่อสร้างความมั่นคงด้านการผลิตกระแสไฟฟ้าโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล ล่าสุด สำนักงาน ก.ล.ต. ได้อนุมัติแบบไฟลิ่งของกองทุนฯ เป็นที่เรียบร้อย 

      

นายอิสสระ ถวิลเติมทรัพย์ กรรมการ บริษัท น้ำตาลครบุรี จำกัด (มหาชน) หรือ KBS ผู้ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทรายอย่างครบวงจร เปิดเผยว่า กลุ่มน้ำตาลครบุรีได้วางนโยบายเสริมสร้างความแข็งแกร่งธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำตาลทราย  และต่อยอดการลงทุนเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องเพื่อสร้างความมั่นคงแก่องค์กร โดยการนำ ผลพลอยได้จากกระบวนการผลิตน้ำตาลทรายมาสร้างมูลค่าเพิ่มสูงสุด ผ่านการลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวลที่ใช้กากอ้อยเป็นเชื้อเพลิง


ปัจจุบันโรงไฟฟ้าดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานของบริษัท ผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด (KPP) ซึ่งเป็นบริษัทที่ KBS ถือหุ้นร้อยละ 99 เพื่อดำเนินธุรกิจโรงไฟฟ้าระบบผลิตพลังงานความร้อนและไฟฟ้าร่วมกัน (Cogeneration System) กำลังการผลิตรวม 73 เมกะวัตต์ ช่วยให้บริษัทฯ สามารถนำทรัพยากรหมุนเวียนที่เกิดจากกระบวนการผลิตน้ำตาลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ และเสริมความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้าแก่ประเทศอีกด้วย

       

ในช่วงที่ผ่านมา KBS ได้สนับสนุนการสร้างความเข้มแข็งให้แก่ธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานดังกล่าว โดยจัดหาและป้อนวัตถุดิบกากอ้อยเพื่อนำไปใช้ผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าให้แก่ บริษัทผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด (KPP) ซึ่งเป็นคู่สัญญาจำหน่ายไฟฟ้าระยะยาวกับหน่วยงานภาครัฐ ประกอบด้วย การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) จำนวน 16 เมกะวัตต์ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จำนวน 22 เมกะวัตต์ และมีสัญญาจำหน่ายไฟฟ้าให้แก่กลุ่มน้ำตาลครบุรีอีกจำนวนไม่เกิน 25 เมกะวัตต์ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานของธุรกิจโรงไฟฟ้า KPP มีอัตราเติบโตต่อเนื่องตลอด 3 ปีที่ผ่านมา (2560-2562) โดยมีรายได้รวมจากการจำหน่ายไฟฟ้าตามสัญญารวม 689.89 ล้านบาท 901.59 ล้านบาท และ 972.71 ล้านบาท ตามลำดับ

       

ทั้งนี้  บริษัทฯ ได้จัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโรงไฟฟ้ากลุ่มน้ำตาลครบุรี (KBSPIF) วงเงินไม่เกิน 2,800 ล้านบาท โดยมีธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทจัดการกองทุน

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ในฐานะบริษัทจัดการกองทุนฯ กล่าวว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานกลุ่มน้ำตาลครบุรี KBSPIF จะระดมทุนเพื่อเข้าลงทุนในกิจการโครงสร้างพื้นฐานประเภทโรงไฟฟ้าของบริษัทผลิตไฟฟ้าครบุรี จำกัด (KPP) ซึ่งโครงการดังกล่าวมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนที่ดีแก่กองทุนฯ และสามารถจ่ายปันผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยในระยะยาว โดยปัจจุบัน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ได้อนุญาตแบบคำขอเสนอขายหน่วยลงทุน (แบบไฟลิ่ง) ของกองทุน KBSPIF เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

13 views

Comments


bottom of page