top of page
379208.jpg

หลังการเลือกตั้งสหรัฐ...ตลาดหุ้นโลกยังเป็นขาขึ้น


จีนจะเป็นปัจจัยหนุนใหม่ ! 

           

แนวโน้มของตลาดหุ้นโลกและสหรัฐหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐยังคงเป็นขาขึ้น หลังทิศทางของเศรษฐกิจสหรัฐยังคงแข็งแกร่ง โดยที่ล่าสุดสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผย ดัชนีภาคบริการปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 56.0 ในเดือน ต.ค. 67 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือน ส.ค. 65 จากระดับ 54.9 ในเดือน ก.ย. 67 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 53.8 และธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาแอตแลนตา เปิดเผยแบบจำลองคาดการณ์ GDPNow ล่าสุดแสดงให้เห็นว่า เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 2.3% ในไตรมาส 4 ปี 2567 ต่อเนื่องจากที่เศรษฐกิจสหรัฐขยายตัว 1.4% ในไตรมาส 1, 3.0% ในไตรมาส 2 และ 2.8% ในไตรมาส 3

           

ขณะที่เศรษฐกิจของยูโรโซนเริ่มส่งสัญญาณมีเสถียรภาพมากขึ้น หลังการผลิตของยูโรโซนส่งสัญญาณกลับมามีเสถียรภาพอีกครั้งในเดือน ต.ค. 67 แม้กิจกรรมทางธุรกิจหดตัวลงเป็นเดือนที่ 28 ติดต่อกัน แต่ก็หดตัวในอัตราที่น้อยลง ขณะที่ความต้องการยังคงซบเซาแต่ก็กระเตื้องขึ้นบ้าง โดยที่ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายของยูโรโซน จากฮัมบูร์ก คอมเมอร์เชียล แบงก์ (HCOB) และเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) เพิ่มขึ้นแตะ 46.0 ในเดือน ต.ค. 67 แซงหน้าคาดการณ์เบื้องต้นที่ระดับ 45.9 ขณะที่ดัชนีวัดผลผลิต ซึ่งเป็นส่วนประกอบของดัชนี PMI รวมภาคการผลิต-ภาคบริการ ทะยานขึ้นสู่ระดับ 45.8 ในเดือน ต.ค. 67 จาก 44.9 ในเดือน ก.ย. 67 แซงหน้าตัวเลขประเมินเบื้องต้นที่ 45.5 แม้ว่าในส่วนของสหราชอาณาจักร (UK) ภาคบริการจะชะลอตัวในเดือน ต.ค. 67 โดยพบว่ากิจกรรมทางธุรกิจเติบโตต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือน ธ.ค. 66 ที่มีการจ้างงานลดลง

           

ทั้งนี้ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายของ UK จากเอสแอนด์พี โกลบอล (S&P Global) ลดลงจาก 52.4 ในเดือน ก.ย. 67 มาอยู่ที่ 52.0 ในเดือน ต.ค. 67 ซึ่งถือเป็นการเติบโตที่ต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 66 แต่ดีกว่าตัวเลขคาดการณ์เบื้องต้นที่ 51.8 อยู่เล็กน้อย อย่างไรก็ดีดัชนี PMI ที่ระดับสูงกว่า 50 บ่งชี้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจอยู่ในภาวะขยายตัว ส่วนดัชนีที่ต่ำกว่า 50 บ่งชี้ถึงภาวะหดตัว     ในส่วนของเอเชีย ไฉซินและเอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยว่า ภาคบริการเดือน ต.ค. 67 ของจีนขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีนจะช่วยให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในภาคบริการปรับตัวดีขึ้น โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการของจีนปรับตัวขึ้นแตะระดับ 52.0 ในเดือน ต.ค. 67 จากระดับ 50.3 ในเดือน ก.ย. 67 โดยดัชนีอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนมีการขยายตัว

           

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ผลสำรวจของไฉซินสอดคล้องกับที่สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) เปิดเผยเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ดัชนี PMI ภาคบริการเดือน ต.ค. 67 ของจีนดีดตัวขึ้นแตะระดับ 50.2 จากระดับ 50 ในเดือน ก.ย. 67 โดยดัชนีที่สูงกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคบริการของจีนมีการขยายตัวเช่นกัน หลังจากที่รัฐบาลจีนประกาศมาตรการกระตุ้นทางการเงินและการสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยเกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่ประชุมคณะกรรมการกรมการเมืองของพรรคคอมมิวนิสต์จีน (โปลิตบูโร) ให้คำมั่นว่าจะเพิ่มการใช้จ่ายที่จำเป็นเพื่อสนับสนุนให้เศรษฐกิจจีนกลับมาขยายตัวได้ตามเป้าหมาย โดยที่ล่าสุดนายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีน กล่าวในพิธีเปิดการประชุม "China International Import Expo" ที่นครเซี่ยงไฮ้ว่า เขามั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า จีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจในปีนี้ โดยระบุว่าเศรษฐกิจได้รับแรงหนุนจากการที่รัฐบาลประกาศมาตรการกระตุ้นเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยรัฐบาลจีนมีความสามารถในการผลักดันการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน และเสริมว่าทางการจีนยังคงมีโอกาสที่จะใช้นโยบายการคลังและการเงินเพิ่มเติม พร้อมกับย้ำว่าจีนจะสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5%

           

สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า การแสดงความเห็นเกี่ยวกับเศรษฐกิจของหลี่นั้นถือเป็นการตอกย้ำว่า รัฐบาลจีนยังคงมีมุมมองเชิงบวกว่าเศรษฐกิจจีนจะสามารถขยายตัวได้ตามเป้าหมาย แม้เผชิญกับภาวะความเชื่อมั่นที่อ่อนแอของผู้บริโภค แรงกดดันด้านเงินฝืด และการทรุดตัวของตลาดอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม โดยหลักฐานล่าสุดคือข้อมูลที่ระบุว่าภาคบริการของจีนขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่เดือน ก.ค. 67 ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าอุปสงค์ของผู้บริโภคกำลังฟื้นตัว

           

นอกจากนี้ไฉซินและเอสแอนด์พี โกลบอล เปิดเผยผลสำรวจว่า ภาคบริการเดือน ต.ค. 67 ของจีนขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยได้แรงหนุนจากสัญญาณที่บ่งชี้ว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของรัฐบาลจีนจะช่วยให้สภาพแวดล้อมทางธุรกิจในภาคบริการปรับตัวดีขึ้น

           

ในส่วนของประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคยังคงส่งสัญญาณที่ดีขึ้นเช่นกัน โดย S&P Global และ Judo Bank ระบุว่าธุรกิจภาคเอกชนของออสเตรเลียเดือน ต.ค. 67 มีการเติบโตดีขึ้น เนื่องจากความแข็งแกร่งของภาคบริการช่วยพยุงความซบเซาของภาคการผลิตไว้ได้ โดยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ(PMI) รวมภาคการผลิต-ภาคบริการขั้นสุดท้ายของออสเตรเลีย ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 50.2 ในเดือนต.ค. จาก 49.6 ในเดือน ก.ย. 67 ทั้งนี้ภาคบริการยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจออสเตรเลียที่สำคัญ สะท้อนจากดัชนี PMI ภาคบริการขั้นสุดท้ายจาก Judo Bank ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 51 ในเดือน ต.ค. 67 จาก 50.5 ในเดือน ก.ย. 67 โดยธุรกิจบริการมีลูกค้าและงานใหม่ ๆ เข้ามามากขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเร็วที่สุดนับตั้งแต่ พ.ค. 65 ที่น่าสังเกตคือการเติบโตนี้มาจากความต้องการภายในประเทศเป็นหลัก ในขณะที่ยอดส่งออกกลับลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 และเนื่องด้วยความต้องการที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทต่างๆ จึงเร่งจ้างพนักงานใหม่เพิ่มเติม ทำให้อัตราการจ้างงานเติบโตเร็วที่สุดในรอบ 5 เดือน ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการในภาคบริการก็ปรับตัวดีขึ้นด้วย

           

ขณะที่ในฝั่งของเกาหลี สำนักงานสถิติแห่งชาติของเกาหลีใต้เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ต.ค. 67 ของเกาหลีใต้ชะลอตัวลงสู่ระดับต่ำสุดใน 45 เดือน และอยู่ต่ำกว่า 2% เป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน โดยดัชนี CPI ซึ่งเป็นตัวชี้วัดอัตราเงินเฟ้อที่สำคัญ เพิ่มขึ้น 1.3% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนที่แล้ว เทียบกับที่เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือน ก.ย. 67 โดยตัวเลขเดือน ต.ค. 67 ถือเป็นระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือน ม.ค. 64 ซึ่งในเดือนนั้นดัชนีราคาผู้บริโภคเพิ่มขึ้น 0.9% โดยสำนักข่าวยอนฮับรายงานว่า อัตราเงินเฟ้อผู้บริโภคของเกาหลีใต้อยู่ที่ระดับต่ำกว่า 3% มาตั้งแต่เดือน เม.ย. 67 และลดลงต่ำกว่าอัตราเป้าหมายที่ 2% เป็นครั้งแรกในเดือน ก.ย. 67 อย่างไรก็ดีกระทรวงการคลังเกาหลีใต้คาดการณ์ว่า เกาหลีใต้จะบรรลุอัตราเป้าหมายเงินเฟ้อที่ 2% ได้ภายในสิ้นปี 2567 และคาดว่าราคาในปีนี้จะเพิ่มขึ้น 2.6%

           

หุ้นพลังงานยังคงเป็นปัจจัยกดดัน! แรงกดดันจากราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานของโลกจะยังคงมีอยู่ต่อไป จากแนวโน้มผลการดำเนินงานที่อ่อนแอ สะท้อนออกมาจากการที่บริษัท ซาอุดี อารามโค (Saudi Aramco) ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่ของรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เปิดเผยบริษัทมีกำไรสุทธิลดลง 15.4% ในไตรมาส 3 ปี 2567 โดยมีสาเหตุมาจากการชะลอตัวของราคาน้ำมันดิบ และค่าการกลั่น (Refining Margins) ที่ปรับตัวลดลง แต่บริษัทยังคงจ่ายเงินปันผลมูลค่ารวม 3.11 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาสดังกล่าว

           

ทั้งนี้ ซาอุดี อารามโค เปิดเผยบริษัทมีกำไรสุทธิ 2.76 หมื่นล้านดอลลาร์ในไตรมาส 3 ซึ่งแม้ว่าปรับตัวลดลง 15.4% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่ตัวเลขดังกล่าวยังสูงกว่าที่บริษัทประมาณการไว้ที่ระดับ 2.69 หมื่นล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส กำไรสุทธิของซาอุดี อารามโค ปรับตัวลง 5% จากไตรมาสก่อนซึ่งอยู่ที่ระดับ 2.91 หมื่นล้านดอลลาร์ ขณะที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร หรือ โอเปกพลัส มีมติเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันในเดือน ธ.ค. 67 ออกไปอีก 1 เดือน เนื่องจากอุปสงค์ที่อ่อนแอโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากจีน และอุปทานที่เพิ่มขึ้นจากประเทศนอกกลุ่มโอเปกพลัสนั้นยังคงเป็นปัจจัยกดดันราคาน้ำมันให้อ่อนแอลง

           

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนหน้านี้สมาชิก 8 ประเทศของโอเปกพลัส ซึ่งรวมถึงประเทศในกลุ่มโอเปกด้วยนั้น มีกำหนดปรับเพิ่มกำลังการผลิต 180,000 บาร์เรล/วันในเดือน ธ.ค. 67 ตามแผนการทยอยยกเลิกการปรับลดกำลังการผลิตโดยสมัครใจของสมาชิกโอเปกพลัส 8 ประเทศจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรล/วัน ทั้งนี้อุปสงค์ที่อ่อนแอและข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาได้ทำให้กลุ่มโอเปกพลัสวิตกกังวลเกี่ยวกับอุปทานที่ปรับตัวสูงขึ้น จึงได้ตัดสินใจเลื่อนแผนการปรับเพิ่มกำลังการผลิตน้ำมันออกไปอีก 1 เดือน หลังเสร็จสิ้นการหารือกันของรัฐมนตรีพลังงานในกลุ่มโอเปกพลัส โดยแถลงการณ์ของโอเปกพลัสระบุว่า สมาชิก 8 ประเทศของโอเปกพลัสได้ตัดสินใจขยายเวลาการลดกำลังการผลิตจำนวน 2.2 ล้านบาร์เรลต่อวันออกไปอีก 1 เดือนจนถึงสิ้นเดือน ธ.ค. 67 พร้อมกับเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการบรรลุเป้าหมายการผลิตที่สอดคล้องกัน

           

ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) ตราบใดที่ SET ยังคงแกว่งตัวเหนือกว่า 1,420 จุดได้ เน้น “อ่อนตัวซื้อลงทุน” สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไปที่ระดับ 75% ของพอร์ต”

           

ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/hippowealththailand และ e-mail ที่ hippowealththailand@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ “เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97.00 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น. เช่นเดิมครับ

 

ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: TQ

3 views

Comments


bottom of page