
ความไม่แน่นอนมีเยอะมาก ! แนวโน้มของตลาดหุ้นโลกในระยะสั้นๆ ยังคงเปราะบางและผันผวนมาก หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐได้ประกาศที่ทำเนียบขาวว่า มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% มีผลบังคับใช้ในวันที่ 4 มี.ค. 68 ตามกำหนด เนื่องจากเขาเชื่อว่าทั้งสองประเทศ รวมทั้งจีน ไม่ได้ดำเนินการมากพอในการสกัดกั้นการลักลอบขนยาเสพติดที่ผิดกฎหมาย เช่น เฟนทานิล เข้าสู่สหรัฐ นอกจากนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวว่ามาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ (Reciprocal Tariff) ซึ่งจะใช้กับทุกประเทศที่เก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐนั้น จะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 2 เม.ย. 68 ตามกำหนด
พร้อมกับยืนยันว่าเขาจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 20% จากเดิมที่เรียกเก็บอยู่แล้ว 10% เพื่อลงโทษจีนที่ยังคงขนส่งเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐ ทำให้ล่าสุด จัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ตอบโต้โดยการระบุว่า แคนาดาจะเก็บภาษีศุลกากร 25% กับสินค้าของสหรัฐมูลค่า 1.55 แสนล้านดอลลาร์แคนาดา (1.07 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ) ตั้งแต่วันอังคารที่ 4 มี.ค. 68 ขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกมาคัดค้านกับการตัดสินใจของสหรัฐที่จะเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่เชื่อมโยงกับประเด็นเฟนทานิลและประเด็นอื่นๆ พร้อมประกาศว่าจีนจะใช้มาตรการตอบโต้เพื่อปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของจีน หลังสหรัฐกล่าวหาว่า จีนเป็นผู้จัดหาสารเคมีที่ใช้ในการผลิตเฟนทานิล ขณะที่จีนปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยที่จีนเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกมาตรการภาษีฝ่ายเดียวที่ไม่มีเหตุผล ไม่มีมูลความจริง และก่อให้เกิดผลกระทบต่อผู้อื่นโดยทันที
นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวออกมาว่ารัฐบาลจีนกำลังพิจารณาการใช้มาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้สหรัฐ ด้วยการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าเกษตรและอาหารจากสหรัฐเพื่อตอบโต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มอีก 10 % ทั้งนี้การตอบโต้ของจีนมีแนวโน้มว่าจะครอบคลุมทั้งมาตรการภาษีศุลกากรและมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ใช้มาตรการทางภาษี พร้อมระบุว่าราคาถั่วเหลืองของจีนที่พุ่งขึ้น 1.5% อันเนื่องมาจากความตึงเครียดด้านการค้าที่ทวีความรุนแรงนั้น อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออกถั่วเหลืองของสหรัฐ และทำให้อุปทานในตลาดตึงตัวมากขึ้น โดยจีนเป็นผู้นำเข้าถั่วเหลืองรายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งโดยปกติแล้วถั่วเหลืองจะถูกนำไปบดเป็นน้ำมันปรุงอาหารและอาหารสัตว์
ล่าสุด วอร์เรน บัฟเฟตต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ (Berkshire Hathaway) ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์นโยบายกำแพงภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐ ในการให้สัมภาษณ์กับ CBS News โดยระบุว่า กำแพงภาษีเป็นการกระทำที่เทียบเท่ากับการทำสงครามในระดับหนึ่ง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ วอร์เรน บัฟเฟตต์ แสดงความเห็นต่อสาธารณะเกี่ยวกับนโยบายการค้าของทรัมป์
นอกจากนี้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐยังคงสร้างแรงกดดันให้ตลาดหุ้นโลกอย่างต่อเนื่องจากการ “ประกาศระงับการมอบความช่วยเหลือทางการทหารแก่ยูเครน” โดยสำนักข่าวบลูกเบิร์กรายงานว่า ยุทโธปกรณ์ทางการทหารของสหรัฐที่ยังไม่ได้อยู่ในยูเครนจะถูกระงับ ซึ่งรวมถึงอาวุธที่อยู่ระหว่างการขนส่งบนเครื่องบินและเรือ หรือที่รออยู่ในพื้นที่การขนส่งในโปแลนด์ ทั้งนี้ ความเคลื่อนไหวดังกล่าวมีขึ้น หลังการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐกับประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน ประสบความล้มเหลว หลังจากที่การหารือเกี่ยวกับวิธีการรับมือกับรัสเซียกลายเป็นการโต้เถียงกันอย่างรุนแรงต่อหน้าสื่อ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ตึงเครียดที่ไม่ค่อยพบเห็นในแวดวงการทูต ขณะที่ในฝั่งของรัสเซียออกมาระบุแล้วว่าการบรรลุข้อตกลงกับยูเครนยังคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก
จีนระยะสั้นดูแข็งแรงกว่าญี่ปุ่น ! ในส่วนของเอเชียเอง ล่าสุดประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ ได้แจ้งต่อผู้นำญี่ปุ่นและจีนว่าทั้งสองประเทศไม่สามารถลดค่าเงินของตนเองอย่างต่อเนื่องได้ เนื่องจากเป็นการกระทำที่ไม่เป็นธรรมต่อสหรัฐ อย่างไรก็ดีหากเปรียบเทียบระหว่างจีนและญี่ปุ่น ดูเหมือนสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของจีนจะดีกว่ามาก โดยที่ล่าสุดผลสำรวจโดยไฉซิน/เอสแอนด์พี โกลบอล (Caixin/S&P Global) แสดงให้เห็นว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของจีนปรับตัวขึ้นแตะระดับ 50.8 ในเดือน ก.พ. 68 จากระดับ 50.1 ในเดือน ม.ค. 68 ซึ่งเป็นการขยายตัวในอัตราที่รวดเร็วที่สุดในรอบ 3 เดือน โดยที่ดัชนี PMI เดือน ก.พ. 68 ของจีนออกมาแข็งแกร่งกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าวรอยเตอร์ ที่คาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ระดับ 50.3 โดยดัชนีที่อยู่เหนือ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตของจีนยังคงขยายตัว
ขณะที่ในฝั่งของญี่ปุ่น กระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านทุนของบริษัทเอกชนญี่ปุ่นในไตรมาส 4 ปี 2567 ลดลง 0.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี นับเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 15 ไตรมาส โดยมีสาเหตุหลักจากการชะลอการลงทุนในภาคธุรกิจนอกภาคการผลิต ทั้งนี้ การลงทุนโดยบริษัทในทุกภาคส่วน ขณะที่กำไรก่อนหักภาษีของบริษัทเอกชนญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 13.5% แตะที่ระดับ 28.69 ล้านล้านเยนในไตรมาส 4 ซึ่งปรับตัวขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบ 2 ไตรมาส ขณะที่ยอดขายเพิ่มขึ้น 2.5% ทำสถิติสูงสุดที่ 398 ล้านล้านเยน และเติบโตต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 15 อย่างไรก็ดีอัตราว่างงานในเดือน ม.ค. 68 ของญี่ปุ่นไม่เปลี่ยนแปลงจากเดือน ธ.ค. 68 โดยอยู่ที่ 2.5%
ขณะที่ในส่วนของสหรัฐเอง แม้ว่าโกลด์แมน แซคส์ (Goldman Sachs) จะคาดการณ์ว่ามีโอกาสน้อยมากที่เศรษฐกิจสหรัฐจะเข้าสู่ภาวะถดถอย แม้จะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายการค้าของประเทศทั่วโลกก็ตาม สอดคล้องกับแบล็กโตน (Blackstone) ที่ได้เปิดเผยว่าผลสำรวจความเห็นของผู้บริหารบริษัทในเครือ 250 แห่งของแบล็กสโตน ซึ่งพบว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังคงสดใส และไม่มีผู้บริหารคนใดคาดการณ์ว่าปีนี้จะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ แต่ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ทยอยรายงานออกมาในช่วงหลัง สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยที่ล่าสุด ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตของสหรัฐปรับตัวลง สู่ระดับ 50.3 ในเดือน ก.พ. 68 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 50.6 จากระดับ 50.9 ในเดือน ม.ค. 68 ขณะที่ตัวเลขการใช้จ่ายด้านการก่อสร้างลดลง 0.2% ในเดือน ม.ค. 68 เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.5% ในเดือน ธ.ค. 68 ส่งผลให้ผลสำรวจจาก 2 สำนักบ่งชี้ว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐมีความเสี่ยงที่สร้างความกังวลกังวลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อให้กับชาวอเมริกัน อันเนื่องมาจากการใช้มาตรการมากมายในช่วงสัปดาห์แรกๆ ของการดำรงตำแหน่ง
โดยผลสำรวจจาก CBS News/YouGov บ่งชี้ว่า ราว 80% ของชาวอเมริกันที่ตอบแบบสอบถามระบุว่า ทรัมป์ควรให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเป็นหลัก
ในส่วนของกลยุทธ์ สำหรับการลงทุนระยะสั้น (ไม่เกิน 1 สัปดาห์) เน้น “อ่อนตัวซื้อลงทุน” สำหรับการลงทุนระยะกลาง (1-3 เดือน) ในลักษณะ Long-Only แนะนำ “เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้นไปที่ระดับ 75% ของพอร์ต”
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่ความเห็นส่วนตัวของผมนะครับ โปรดใช้วิจารณญาณ และศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมก่อนการตัดสินใจลงทุนด้วยครับ สำหรับการพูดคุยกันระหว่างสัปดาห์นอกจากทาง Facebook ที่ www.facebook.com/hippowealththailand และ e-mail ที่ hippowealththailand@gmail.com แล้ว แฟนๆ ยังสามารถติดตามมุมมองเกี่ยวกับการลงทุนจาก “นายหมูบิน” ได้ในรายการ ”เซียนเศรษฐกิจ” ทาง FM 97.00 ทุกวันอาทิตย์ เวลา 14.00-16.00 น.เช่นเดิมครับ
ภาพประกอบ : การวิเคราะห์ทิศทางตลาดหุ้นไทยในทางเทคนิครายวัน (Daily)

Source: TQ
Comentarios